หุ้นบุริมสิทธิ - Preferred Stock คืออะไร | มือใหม่...ลงทุนในหุ้น - Stock Invesment


หุ้นบุริมสิทธิ - Preferred Stock  คืออะไร 

     หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ หุ้นที่มีสิทธิเหนือกว่าหุ้นสามัญทั่วไป ที่มีลักษณะกึ่งหนี้และกึ่งเจ้าของ... เงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิเป็นกำหนดอัตราตายตัวไว้ล่วงหน้า และถือเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ของบริษัทแม้ว่าบริษัทไม่จ่ายเงินปันผลในปีที่ไม่มีกำไรก็ตาม...


    หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) เป็นตราสารประเภทหุ้นทุน คล้ายกับหุ้นสามัญ เพียงแต่ว่าไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหาร มีข้อแตกต่างจากหุ้นสามัญคือ ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับสิทธิในการชำระคืนเงินทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ... หุ้นบุริมสิทธิบนกระดานหุ้นสังเกตได้จากสัญลักษณ์ -P ท้ายอักษรย่อ ของหุ้นสามัญ ทั้งนี้ หุ้นบุริมสิทธิ มีเพื่อให้สิทธิกลุ่มทุนเพื่อตอบแทนที่ช่วยเหลือกิจการตอนสถานการณ์คับขันหรือเกิด วิกฤต หุ้นบุริมสิทธิจึงมีสิทธิได้เงินปันผลแม้ในปีที่กิจการไม่จ่ายปันผลก็ตาม... สมมุติว่ากิจการสามารถทำกำไรได้ 500 ล้านบาท แต่ยังไม่จ่ายปันผลเพราะจะต้องการนำกำไรไปลงทุนขยายกิจการต่อ ผู้ที่ถือหุ้นสามัญจึงไม่ได้รับเงินปันผล แต่หุ้นบุริมสิทธิได้รับเงินปันผลเหมือนเดิมเพราะเงินปันผลของผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์จะมีการกำหนดอัตราไว้ล่วงหน้า นี้คือสิ่งที่หุ้นบุริมสิทธิเหนือกว่าหุ้นสามัญนั่นเอง... หุ้นบุริมสิทธิ จะไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม กล่าวคือ "หุ้นบุริมสิทธิได้เงินปันผล แต่ ห้ามออกเสียงในที่ประชุม"  เพราะสมมุติว่าหากให้มีการเข้าร่วมประชุมอาจจะมีความวุ่นวายตามมาในเรื่องการเข้าแทรกแซงการบริกหารการจัดการ หรือยึดอำนาจบริหารในกิจการของบริษทได้ ...


ทั้งนี้หุ้นบุริมสิทธิยังแบ่งออกคร่าวๆได้เป็น...

1- หุ้นบุริมสิทธิชนิดสะสม (Cumulative Preferred Stock) คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในปีที่ไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล
2- หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่สะสม (Non – Cumulative Preferred Stock) คือ หุ้นบุริมสิทธิชนิดที่หากปีใดไม่ได้จ่ายเงินปันผล จะไม่สามารถยกยอดไปจ่ายในปีถัดไป
3- หุ้นบุริมสิทธิชนิดร่วมรับ (Participating Preferred Stock) คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ผู้ถือห้นมีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลร่วมกับผู้ถือหุ้นสามัญอีก หลังจากที่ได้รับเงินปันผลในอัตราที่กำหนดแล้ว
4- หุ้นบุริมสิทธิชนิดไม่ร่วมรับ (Non – Participating Preferred Stock) คือ หุ้นบุริมสิทธิที่ได้รับเงินปันผลตามอัตราที่กำหนดเท่านั้น


    ข้อดีการจัดหาเงินทุนโดยการออกหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)  คือจะมีความคล่องตัวและความยืดหยุ่น ไม่มีกำหนดเวลาไถ่ถอนคืนอีกทั้งหุ้นบุริมสิทธิถือเป็นส่วนของเจ้าของ ดังนั้น การออกหุ้นบุริมสิทธิจึงยังทำให้บริษัทรักษาฐานะและอำนาจไว้ได้... ถ้ามีความจำเป็นต้องจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมในอนาคต การออกหุ้นบุริมสิทธิ ทำให้กิจการอาจไม่จำเป็นต้องออกหุ้นสามัญอีก ดังนั้น จึงไม่กระทบกระเทือนต่อราคาหุ้นสามัญ และการออกหุ้นบุริมสิทธิไม่ต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้กิจการสามารถนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ไปค้ำประกันหนี้ชนิดอื่นได้....

.
    ข้อเสียการจัดหาเงินทุนโดยการออกหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือจะต้องจ่ายเงินปันผลให้กับหุ้นบุริมสิทธิสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้  เงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่นำไปหักภาษีในการคำนวณหากำไรสุทธิ  เงินปันผลของผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์จะมีการกำหนดอัตราไว้ล่วงหน้า... ปัจจุบันความนิยมลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิมีน้อย เนื่องจากข้อเสียเปรียบบางประการสำหรับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ เช่น ไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหารงาน เป็นต้น...


เรามาสรุปกันแบบให้เข้าใจง่ายๆกันดีกว่านะครับว่า หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ อะไร?
1-  หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนจากประชาชน
2-  ผู้ถือตราสาร  หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจจการ
3-  ผู้ถือตราสาร หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)  ไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม
4- สิทธิพิเศษของ หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) ได้รับสิทธิในการชำระคืนเงินทุนก่อน ผู้ถือหุ้นสามัญ ในกรณีบริษัทเลิกกิจการ
5- ผลตอบแทน หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คือ จ่ายเงินปันผลในอัตราที่แน่นอน (Fixed)
6- หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) บนกระดานหุ้นสังเกตได้จากสัญลักษณ์ -P ท้ายอักษรย่อ ของหุ้นสามัญ

สุดท้ายนี้เราคงเข้าใจกันแล้วนะครับว่าในเรื่องหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ปัจจุบัน หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)  ไม่เป็นที่นิยมนัก เมื่อเทียบกับหุ้นสามัญทั่วไป แต่ผู้ที่สนใจที่จะเป็นนักลงทุนก็ยังมีความจำเป็นที่เราจะต้องเข้าใจธุรกิจก่อนที่เราคิดจะลงทุนเพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเราเอง สำหรับวันนี้ผมของจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆนะครับ... ^_^ ...


Article by : ดลรวี ภัทรกุลพิมล
Bloger : http://www.dolravee.com/
Facebook : https://goo.gl/qNF1ak
Youtube : https://goo.gl/F6d8A4

หุ้นสามัญ... คืออะไร - Common Stock? | มือใหม่...ลงทุนในหุ้น - Stock Invesment


หุ้นสามัญ... คืออะไร

     หุ้นสามัญ  Common Stock  คือหุ้นที่นักลงทุนในตลาดซื้อขายกันอยู่ วัตถุประสงค์คือ เพื่อระดมเงินทุนจากประชาชน  เรามักจะเรียกกันว่าหุ้นทุน คือ ตราสารทุนที่บ่งบอกถึงการมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ บริษัท และมีจำนวน มากกว่า 80% ของหุ้นในตลาดทั้งหมด ...



     ผู้ถือครองหุ้นสามัญมีสิทธิเข้าประชุมและออกคะแนนเสียงในที่ประชุม และร่วมพิจารณาตัดสินใจปัญหาสำคัญต่าง ๆ ทั้งนี้ยังได้มีสิทธิในการได้รับ เงินปันผล หรือประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ ตามที่ประชุมของผู้ถือหุ้นอนุมัติ อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นสามัญจะเป็นผู้มีสิทธิ์ในลำดับสุดท้าย ในการได้รับส่วนที่เหลือจากการลงทุน นั้นหมายถึงเราจะได้รับแบ่ง ทรัพย์สินคืนตามสัดส่วนของหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นภายหลังจากที่ได้ชำระคืนให้แก่เจ้าหนี้รวมไปถึงผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจนครบถ้วนแล้ว  หุ้นสามัญไม่มีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนคืน และจะสลายตัวไปเอง เมื่อบริษัทเลิกล้มกิจการ สิทธิผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นสามัญได้รับก็คือ ได้ส่วนต่างราคา ในกรณีมีการชื้อขายหุ้น กรณีที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น  สิทธิประโยชน์อีกอย่างก็คือ เงินปันผล (Dividend) จากกำไรของบริษัทตามอัตราที่ประชุม ใหญ่ผู้ ถือหุ้นอนุมัติ ซึ่งจะได้รับหลังจากที่จ่ายปันผลให้แก่หุ้นบุริมสิทธิไปก่อนแล้ว อาจมีผลประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ จึงจัดได้ว่าผู้ถือหุ้นสามัญจะเป็นผู้มีสิทธิ์ในลำดับสุดท้ายของการได้รับส่วนที่เหลือจาก การลงทุน นั้นเอง....สรุปง่ายๆก็คือ


 

หุ้นสามัญ  Common Stock คือ

1- วัตถุประสงค์ เพื่อระดมเงินทุนจากประชาชน
2- ผู้ถือตราสารหุ้น มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ
3- ผลตอบแทนจากการถือหุ้น
- ได้ส่วนต่างราคา
- ได้รับเงินปันผล
4- สิทธิในการลงคะแนนเสียง ออกเสียงตามสัดส่วนของจำนวนหุ้นที่ถืออยุ่ และร่วมตัดสินใจในที่ประชุม เช่น
- การเพิ่มทุนจดทะเบียน
- การจ่ายเงินปันผล
- กาารควบรวมกิจการ




     มาถึงตรงนี้เราอาจจะสงสัยกันว่า ตัวย่อหลังชื่อหุ้นนั้นหมายถึงอะไร ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หุ้นสามัญที่จดทะเบียนจะมีชื่อย่อ เช่น ABC แทนชื่อ บริษัทที่จดทะเบียนเป็นต้น หุ้นประเภทอื่นที่มีการ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีเครื่องหมาย -(ขีด) ต่อจากชื่อย่อ แล้วตามด้วยประเภทของตราสารทุน เช่น
    -W คือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (วอแรนต์) บริษัทเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์เอง
    -F คือหุ้นสามัญ สำหรับชาวต่างชาติ
    -P คือหุ้นบุริมสิทธิ์
    -Q คือหุ้นบุริมสิทธิ์ สำหรับชาวต่างชาติ
   -C คือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญ ที่ออกโดยบุคคลที่สาม ที่ผ่านมาบุคคลที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ดังกล่าว คือกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน



การจำแนก ประเภทของหุ้นสามัญแบ่งตามกลุ่มการลงทุน
- Blue-chip stock เป็นหุ้นที่ออกโดยบริษัทขนาดใหญ่ ไม่มีหนี้สินใหม่ โดยทั่วไปราคาของหุ้นบลูชิปจะมีราคาสูง ทำให้อัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับต่ำ ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักการลงทุน high  risk, high return
- Income stock หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
- Growth stock หุ้นที่ออกโดยบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสูงกว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
- Cyclical stock หุ้นของบริษัทที่มีการขยายตัว หุ้นแบบวัฏจักร หดตัวตามวงจรของเศรษฐกิจ
- Defensive stock หุ้นที่มีการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาด
- Large-cap stock หุ้นที่ออกโดยบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูงมากกว่า 4,400 ล้านบาท เช่น หุ้นในกลุ่ม SET50 index
-  Midcap stock หุ้นที่มีมูลค่าตลาดอยู่ระดับกลางระหว่าง 540 -4,400 ล้านบาท
-  Small-cap stock หุ้นที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า 540 ล้านบาท

      หุ้นสามัญ จะเป็นหุ้นที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน จึงทำให้บริษัทมีความคล่องตัว ไม่ต้องจัดสรรเงินทุนจำนวนหนึ่งเพื่อไถ่ถอน อีกทั้งจำหน่ายซื้อขายง่าย เพราะมีอัตราตอบแทนสูงกว่าหุ้นบุริมสิทธิ และหุ้นกู้  และ เงินปันผล คงจะพอเข้าใจกันแล้วนะครับว่าแท้ที่จริงแล้วหุ้นสามัญ คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร สำหรับวันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วมาพบกันใหม่ในบทความ ต่อๆไปนะครับ .... ^_^ …

Article by : ดลรวี ภัทรกุลพิมล
Bloger : http://www.dolravee.com/
Facebook : https://goo.gl/qNF1ak
Youtube : https://goo.gl/F6d8A4



ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหุ้น และ หุ้น คืออะไร - Stock market and share | มือใหม่...ลงทุนในหุ้น - Stock Invesment


ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหุ้น และ หุ้น คืออะไร


     หุ้น.....คืออะไร หลายคนอาจจะเพียงได้ยินผ่านๆ หรือบางคนอาจมีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในหุ้น แต่การลงทุนในหุ้นแท้จริงแล้ว มันไม่ไช่ การเสี่ยงดวง.... เพราะฉะนั้น มีความจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องศึกษาหาความรู้ตลลอดเวลา ปัจจุบัน เมื่อพูดถึงหุ้น คงจะไม่มีใครที่ไม่รุ้จัก...  หุ้นเป็นสินค้าตัวหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ที่เรียกโดยรวมว่า ตราสารประเภทหุ้นทุน ซึ่งหุ้นก็คือ ส่วนที่ลงทุนเท่ากันในการค้าขาย...


     ตราสารหุ้นที่นัลงทุนส่วนใหญ่ซื้อขายกันอยู่ จะออกโดยบริษัทมหาชนจำกัดที่ต้องการระดมทุนจากประชาชน เพื่อให้เราได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของในธุรกิจนั้นๆ และมีการซื้อขายกันผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่เราเรียกกันว่า ตลาดหุ้นนั้นเอง...


     ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือ สถานที่ที่เราเอาเอกสารสิทธิ์ความเป็นเจ้าของมาซื้อขายกัน...ความเป็นเจ้าของกิจการก็คือ...เมื่อเราซื้อหุ้นมาแล้วเท่ากับว่าเราคือเจ้าของกิจการคนหนึ่ง สิ่งที่เราจะได้รับจากการเป็นเจ้าของกิจการคือ

1- เงินปันผล (Dividend)  คือกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ปันผลกำไรประจำปีนั้นๆ ซึ่งจะจ่าย ตามเงื่อนไขของบริษัทจดทะเบียนนั้นๆ

2- กำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain)  คือการซื้อหุ้นถูกแล้วนำมาขายแพง จะได้ส่วนต่างกำไรหรือที่นักลงทุนมักเรียกกันว่า...เล่นหุ้นนั้นเอง

3- สิทธิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่ (Subscription Right)
ในกรณีที่บริษัทออกหุ้นเพิ่มทุน บริษัทจะให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในการซื้อขายหุ้นที่ออกใหม่ได้ก่อนบุคลลทั่วไปในราคาที่กำหนด เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ไม่ให้ความเป็นเจ้าของและอำนาจควบคุมกิจการลดลงเมื่อมีหุ้นออกมาซื้อขายกันและมีจำนวนหุ้นที่มากขึ้นนั้นเอง...

4-สิทธิความเป็นเจ้าของกิจการ (Ringts) คือสิทธิในการเข้าร่วมประชุมและมีสิทธิการออกเสียง และซักถามข้อสงสัย ต่างๆ ในสถานะที่เราคือเจ้าของกิจการคนหนึ่ง ตามสัดส่วนความเป็นเจ้าของหรือจำนวนหุ้นที่เราถือครองอยู่... อาทิเช่น การเพิ่มทุน  การจ่ายเงินปันผล   การควบรวมกิจการ เป็นต้น...

     
     ตลาดหุ้นแท้ที่จริงแล้ว...ก็คือตลาดทุนนั้นเอง... ซึ่งตลาดทุนจะเป็นส่วนหนึ่งของตลาดทางการเงิน (Financial Market) ซึ่งเราสามาถแยก ตลาดทางการเงินและหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญ ออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

1- ตลาดเงิน (Money Market) หน่วยงานที่มีบทบาทในการทำธุรกรรมในตลาดเงินมากที่สุดคือ สถาบันการเงิน วัตถุประสงค์หลักของตลาดเงิน คือ เป็นการหมุนเวียนเงินทุนระยะสั้น เช่น รักษาสภาพคล่องของธุรกิจ  เป็นต้น...

2- ตลาดทุน (Capital Market) หน่วยงานที่มีบทบาทในการทำธุรกรรมในตลาดทุนมากที่สุดคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วัตถุประสงค์หลักของตลาดทุน คือ เป็นแหล่งระดมเงินทุนระยะยาวใช้ในการลงทุนระยะยาว เช่น การลงทุนในซื้อพันธบัตรรัฐบาล การซื้อหุ้นกู้ หุ้นบุริมสิทธิ หน่วยลงทุนกองทุนรวม ใบสำคัญแสดงสิทธิ และ ซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน  เป็นต้น...

     

ทั้งนี้ตลาดทุน (Capital Market)
ยังสามารถแบ่งแยกย่อยออกเป็น 2 ประเภท คือ

1- ตลาดแรก คือ ตลาดสำหรับหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ โดยผู้ที่ต้องการเงินทุนจะระดมทุนจากผู้ลงทุนโดยตรงด้วยการออกและเสนอขายหลักทรัพย์โดยหลักทรัพย์อาจเป็นในรูปของตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ หรือตราสารทุน เช่น หุ้นสามัญ เป็นต้น

2- ตลาดรอง คือ ตลาดสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ได้ผ่านการเสนอขายในตลาดแรกมาแล้วนั้นเอง... ตลาดรองในประเทศไทยที่เรารู้จักกันดี ก็คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่นักลงทุนจะต้องซื้อขายตราสารหลักทรัพย์ โดยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แห่งนี้.... ปัจจุบันมีตลาดรองอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย คือ ตลาด Market for Alternative Investment หรือที่เรียกกันสั่นๆว่าตลาด MAI นักลงทุนมักจะเรียกในวงการตลาดหุ้นว่าตลาดใหม่ ... ตลาด MAI นี้เป็นตลาดที่เปิดขึ้นมาให้กับบริษัทขนดเล็กเข้ามาจดทะเบียนเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ โดย มีเงื่อนไขที่เข้าจดทะเบียนที่ง่ายกว่า และทุนจดทะเบียนที่น้อยกว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นเอง...

   องค์ประกอบและหน้าที่สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องมีและขาดไม่ได้เลยคือ

1- การวิเคราะห์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เราเรียกกันสั่นๆ ว่า SET INDEX นั่นเอง
2- โบรกเกอร์ หรือที่เราเรียกว่า นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในแต่ละวันจะมีบทวิเคราะห์และมีเจ้าหน้าที่การตลาดคอยดูแลให้คำปรึกษาเราตลอดทุกครั้งที่เราต้องการ เราสามารถเลือกเปิดบัญชีกับโบรกไหนก็ได้ตามความพึงพอใจของเรา
3- ต้องมีตัวสินค้า นั้นคือ หลักทรัพย์จดทะเบียน
4- ที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือผู้ลงทุน Invester ซึ่งแบ่งออกได้เป็น
  • นักลงทุนสถาบันในประเทศ
  • นักลงทุนต่างประเทศ
  • นักลงทุนทั่วไป หรือนักลงทุนรายย่อย นั้นเอง...

     เราคงจะมองเห็นภาพกันแล้วนะครับว่า หลักการของตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหุ้น และ หุ้น  ทำไมเราจะต้องซื้อขายกัน และหุ้นมีบทบาทลำดับขั้นตอนความเป็นมาของหุ้นที่เราซี้อขายกันอย่างไร แท้จริงแล้วการลงทุน ในโลกของทุนนิยมแบบนี้...ถึงแม้จะมีความเสี่ยง...แต่การลงทุนก็ยังเป็นคำตอบเดียวในปัจจุบันที่จะทำให้เรามั่งคั่งเพิ่มขึ้น...ยังทำให้ระบบเศรฐกิจมีการขับเคลื่อนไปข้างหน้า...เป็นตัวชีวัดระบบเศรฐกิจระดับประเทศ และ เศรฐกิจโลกในระดับมหภาคได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างไรการลงทุนก็มีความเสี่ยง "High Risk High Expected Return" ถ้าเราต้องการผลตอบแทนและความมั่งคั่งที่สูง... เราต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน และนี่คือธรรมชาติของการลงทุนที่เราอาจหลีกหนีไม่พ้น นั้นเอง ... สุดท้ายนี้ขอให้ประสบความสำเร็จกับการก้าวสู่โลกแห่งนักลงทุนกันนะครับ...^_^

ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
Bloger   :
    http://www.dolravee.com/
Facebook :    https://goo.gl/qNF1ak
Youtube  :    https://goo.gl/F6d8A4

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

3 ข้อดีของการลงทุนในหุ้น แบบชิวๆ - Stock Invesment


3 ข้อดีของการลงทุนในหุ้น แบบชิวๆ

ในยุคปัจจุบันนี้เมื่อกล่าวถึงหุ้นคงไม่มีใครไม่รู้จักเพราะทุกวันนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลและมีการรณรงค์ในการลงทุนกันอย่างแพร่หลาย...หุ้นสามัญเป็นทางลัดสู่ความมั่งคั่งอย่างที่เค้าวากันจริงหรือ!...วันนี้ผมจะมาอธิบายข้อดีของการลงทุนในหุ้นสามัญแบบเข้าใจง่ายๆมาฝากกันนะครับ...

1.    หุ้นสามัญมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้เราได้สูงทั้งเงินปันผล ส่วนต่างราคา และ สิทธิในการตรวจสอบบริษัท ออกเสียงในฐานะที่เราคือหนึ่งในเจ้าของบริษัท.....หมายถึงการลงทุนในหุ้นสามัญที่จะสร้างผลตอบแทนทางด้านเงินปันผลและส่วนต่างราคาที่มีอัตรากำไรในราคาสูงที่สร้างความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนอยางมากมาย... คือการลงทุนแบบลงทุนในระยะยาว...เพราะการลงทุนในหุ้นในระยะยาวจะเป็นการลงทุนที่สร้างความมั่งคั่งให้เราอย่างยั้งยืน จากข้อมูลสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังจากหลายๆสำนักพบว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างมั่งคั่งคือการลงทุนในหุ้นที่ดี และเป็นการลงทุนในระยะยาว มากว่า 10 ปีขึ้นไป จะทำให้ได้กำไรมากกว่าการขาดทุน หากเราถือหุ้นไว้นานถึง 25 ปี เราแทบจะไม่มีโอกาสในการขาดทุนเลยนั้นคือโอกาสในการสร้างกำไรจากการลงทุนอย่างมากมาย... แต่ต้องเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี และเป็นหุ้นที่ดีนั้นเอง…

2.    หุ้นสามัญทำให้เราได้เงินปันผลที่มากกว่าอัตรเงินเฟ้อและ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ในปัจจุบัน พูดง่ายๆเงินเฟ้อก็คือเงินที่เรามีมันด่อยค่าลงไปเรื่อยๆ ค่าของเงินลดลง   เป็นเหตุให้เงินจำนวนเดียวกันนี้ ไม่สามารถจะซื้อสินค้าและบริการจำนวนเดียวกันได้ เมื่อเวลาล่วงเลยไป ยกตัวอย่างกันง่ายๆกันเลยดีกว่า เช่น ราคาน้ำมันในอดีตเคยอยู่ที่ 20 บาทต่อลิตร แล้วเราเคยเติมน้ำมัน 10 ลิตร จะใช้เงิน 200 บาท แต่ปัจจุบัน ราคาน้ำมันได้กลายเป็น 40 บาทต่อลิตร หากเราใช้เงินเท่าเดิมคือ 200 บาท เราจะเติมน้ำมันได้เพียง 5 ลิตร ไม่ใช่ 10 ลิตรแบบที่เคยเติมได้ นั้นก็หมายความว่า การเกิดภาวะเงินเฟ้อ จะทำให้เงินจำนวนเงินเท่าเดิมที่เราถืออยู่มีค่าลดลง หรือด่อยค่าลงนั้นเอง และยิ่งกว่านั้นหากเรานำเงินไปฝากธนาคารดอกเบี้นเงินฝากยังต่ำกว่าอัตาเงินเฟ้อในปัจจุบันอีก นั้นหมายความว่า เราจะจนลงเรื่อยๆนั้นเอง เพราฉะนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงหันมาลงทุนในตลาดหุ้นเพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารนั้นเอง... ซึ่งการปันผล Dividend Yield ของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 3.5- 10 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว อีกทั้ง มากกว่า 50 เปอร์เซ็นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผล และที่สำคัญเงินปันผลเราสามารถนำไปเครดิตภาษีได้อีกด้วย...

3.    การลงทุนในหุ้นคือเราได้เข้าไปเป็นเจ้าของกิจการนั้นๆโดยที่เราไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่...แน่นอนว่าเราทุกๆคนมีความไฝฝันว่าอยากมีธุรกิจของตนเอง แต่ในโลกปัจจุบันการค้าแบบเสรีทำให้เราต้องแข่งขัน กันอย่างบ้าคลั่งหากเรามัวแต่สร้างธุรกิจของตนเองเราจะต้องเจอแรงกดดันการแข่งขันที่สูงโดยเฉพาะการแข่งขันกับบริษัทยักใหญ่ที่มีทุนหนาและอยู่มานานซึ่งเราแทบจะไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดเค้าไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นทางออกคนอยากมีธุรกิจแบบเราๆก็คือเข้าไปซื้อหุ้นสามัญบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพราะถ้าเราซื้อหุ้นเพียงหนึ่งหุ้น เราก็มีสิทมีเสียงตามสิทธผู้ถือหุ้น...เราก็คือเจ้าของบริษัทนั้นเอง โดยที่เราไม่ต้องเหนือยที่ต้องสร้างบริษัทขึ้นมาเองและต้องเจออะไรอีกมากมาย เพียงเราเข้าไปซื้อหุ้นเท่ากับเราเป็นเจ้าของและที่สำคัญมีคนบริหารงานแทนเราอีก ถึงเวลาประชุมเราก็เข้าประชุมตามปกติมีสิทออกเสียงตามปกติเพราะเราคือ หนึ่งในเจ้าของบริษัทนั้นเอง เราสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจดีๆโดยที่เราไม่ต้องไปนับหนึ่งเริ่มต้นใหม่เองนั้นเอง...

ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดคงจะเห็นภาพกว้างๆกันแล้วนะครับว่าการลงทุนนอกจากจะเป็นแหล่งสร้างความมั่งคั่งให้แก่เราแล้วยังทำให้ประเทศของเราเกิดระบบเศรฐกิจที่ทีมีเสถีรภาพ มีการจ้างงาน ทำให้ภาพรวมระบบเศรฐกิจในระดับมหภาคแข็มแข็งขึ้น ทั้งหมดนี้คงจะเป็นขอมูลส่วนหนึ่งในการตัดสินใจในการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งของทุกๆท่านกันได้นะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปนะครับ  ^_^

Article by : ดลรวี ภัทรกุลพิมล
Bloger : http://www.dolravee.com/
Facebook : https://goo.gl/qNF1ak
Youtube : https://goo.gl/F6d8A4

    บทความที่ได้รับความนิยม

    บทความยอดนิยมตลอดกาล