การอนุโลมใช้สารเคมีในระบบเกษตรอินทรีย์ จุดเปลี่ยนสู่อนาคตที่ยั่งยืน

 

การเปลี่ยนผ่านจากระบบเกษตรเคมีแบบดั้งเดิมไปสู่เกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบไม่ใช่แค่เรื่องของการเปลี่ยนวิธีปลูกพืช แต่เป็นการฟื้นฟูชีวิตของดิน พืช และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ในช่วงเวลาสำคัญที่เรียกว่า “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” (Transition Period) บางครั้ง การอนุโลมให้ใช้สารเคมีบางชนิดจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรก้าวผ่านช่วงเวลานี้ได้อย่างมั่นใจ  

หลักการสำคัญของการอนุโลม ความสมดุลที่ยั่งยืน

 

1. ความจำเป็นในการปรับตัว 

  • ในช่วงเปลี่ยนผ่าน โครงสร้างดินอาจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ พืชยังอ่อนแอต่อโรคและแมลง หรือวัตถุดิบอินทรีย์ยังไม่เพียงพอ  
  • การใช้สารเคมีในปริมาณจำกัดและเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียผลผลิต ช่วยให้ฟาร์มเดินหน้าสู่ความสมบูรณ์ได้อย่างราบรื่น  


2. สารเคมีที่อนุญาต 

  • เฉพาะสารเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายง่าย และไม่ส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ในดินหรือความหลากหลายทางชีวภาพ  

ตัวอย่าง เช่น  

  • กำมะถัน หรือ ทองแดงซัลเฟต สำหรับควบคุมโรคราน้ำค้าง  
  • ปูนขาว เพื่อปรับสภาพดินกรดจัด  
  • น้ำมันพืชสกัด หรือ สารชีวภาพธรรมชาติ สำหรับจัดการศัตรูพืช  


3. การควบคุมปริมาณและระยะเวลา

  • ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกินมาตรฐานที่กำหนด
  • ต้องหยุดใช้สารเคมีก่อนเข้าสู่ระบบอินทรีย์อย่างน้อย 1-3 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าผลผลิตได้รับการรับรองว่าเป็นอินทรีย์เต็มรูปแบบ  


ข้อจำกัดและการตรวจสอบ ความโปร่งใสคือหัวใจสำคัญ 

การกำกับดูแล

  • มีองค์กรรับรองมาตรฐาน เช่น IFOAM, USDA Organic, Organic Thailand หรือมาตรฐานต่างๆในประเทศไทย คอยตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
  • การบันทึกข้อมูล เกษตรกรต้องจดบันทึกการใช้สารเคมีอย่างละเอียด เพื่อแสดงความโปร่งใสและปฏิบัติตามข้อกำหนด  


ผลลัพธ์ในระยะยาว สู่ความยั่งยืน

เมื่อระบบนิเวศของฟาร์มฟื้นตัวเต็มที่ เกษตรกรจะสามารถลดการพึ่งพาสารเคมีจนหมดสิ้น ฟาร์มจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวที่สมบูรณ์แบบ ผลผลิตที่ได้จะมีคุณภาพสูง ได้รับการรับรองมาตรฐาน และสามารถเพิ่มมูลค่าในตลาดได้อย่างมั่นคง  

ประโยชน์ของการอนุโลมในช่วงเปลี่ยนผ่าน

1. ลดความสูญเสียผลผลิต 

  • ช่วยให้เกษตรกรยังคงผลิตผลได้ แม้ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ท้าทาย  

2. ฟื้นฟูสมดุลในระยะยาว 

  • สนับสนุนการฟื้นตัวของดินและระบบนิเวศในฟาร์ม  

3. เตรียมดินสำหรับอนาคต 

  • สร้างสภาพดินที่พร้อมรองรับการเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง  

บทสรุป ก้าวผ่านอย่างมั่นคง สู่อินทรีย์ที่ยั่งยืนการอนุโลมให้ใช้สารเคมีในช่วงเปลี่ยนผ่านไม่ใช่การย้อนกลับ แต่เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต เมื่อระบบฟาร์มฟื้นตัวเต็มที่ การพึ่งพาสารเคมีจะหมดไป และฟาร์มจะเข้าสู่การเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริงนะครับผม ^_^ ...

 

ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
Bloger   :
    http://www.dolravee.com/
Facebook :    https://goo.gl/qNF1ak
Youtube  :    https://goo.gl/F6d8A4

 

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

ปลดล็อกอนาคตเกษตรกรไทย พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ - Unveiling the Future of Thai Farmers: Driving the Nation's Economy

 

อนาคตของเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับตึกระฟ้าหรือเขตอุตสาหกรรม แต่ขึ้นอยู่กับดินอันอุดมสมบูรณ์ที่เกษตรกรไทยดูแล วีรบุรุษที่ไม่มีใครรู้จักเหล่านี้ถือเป็นกระดูกสันหลังของประเทศมาช้านาน โดยเป็นผู้ให้กำเนิดสิ่งดำรงชีพ มรดกทางวัฒนธรรม และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่ต้องยกระดับบทบาทของเกษตรกรไทย ปลดล็อกศักยภาพของเกษตรกรไทยเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคใหม่แห่งความเจริญรุ่งเรือง...

ศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ของเกษตรกรรมไทย

เกษตรกรไทยมีความหวังมหาศาลในการเติบโตและก้าวหน้า แม้ไทยเราจะเป็นผู้ส่งออกข้าว ยางพารา และผลไม้เมืองร้อนชั้นนำ แต่ภาคเกษตรกรรมส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเนื่องจากแนวทางปฏิบัติที่ล้าสมัย การเข้าถึงเทคโนโลยีที่จำกัด และระบบสนับสนุนที่ไม่เพียงพอ โดยการปรับปรุงวิธีการเกษตรให้ทันสมัยและเสริมพลังให้เกษตรกรด้วยความรู้และเครื่องมือ ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนภาคการเกษตรให้กลายเป็นแหล่งพลังแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืนได้ผมเชื่อแบบนั้น...

ความท้าทายสำคัญที่เกษตรกรต้องเผชิญ


1. การเข้าถึงเทคโนโลยีที่จำกัด เกษตรกรจำนวนมากยังคงพึ่งพาเทคนิคแบบดั้งเดิมซึ่งใช้แรงงานจำนวนมากและให้ผลผลิตที่น้อยกว่า เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ เช่น การทำฟาร์มแม่นยำ โดรน และระบบชลประทานอัตโนมัติ ยังคงไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับ
เกษตรกรไทยส่วนใหญ่

2. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รูปแบบสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้และสภาวะที่รุนแรงได้รบกวนวงจรการปลูกและการเก็บเกี่ยว ทำให้ผลผลิตลดลงและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

3. ความไม่มั่นคงของตลาด ราคาตลาดที่ผันผวนและพ่อค้าคนกลางมักทำให้เกษตรกรไม่ได้รับค่าตอบแทนที่ยุติธรรมสำหรับผลผลิตของตน

4. ช่องว่างของความรู้ การขาดการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการทำฟาร์มที่ยั่งยืนและแนวโน้มของตลาดทำให้เกษตรกรไม่สามารถใช้ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่

วิสัยทัศน์สำหรับการเปลี่ยนแปลง

อนาคตอยู่ที่การเปลี่ยนผ่านจากการทำฟาร์มเพื่อยังชีพไปสู่รูปแบบที่โอบรับความยั่งยืน เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผมคนหนึ่งที่มีมุมมองว่านี่คือกลยุทธ์สำคัญในการบรรลุการเปลี่ยนแปลงนี้ครับ...

 

1. การผสานเทคโนโลยีเข้ากับเกษตรกรรม


การทำฟาร์มแม่นยำ การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและ IoT หรือ Internet of Thing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตพืชผลและการใช้ทรัพยากร

แพลตฟอร์มดิจิทัลเกษตร เชื่อมต่อเกษตรกรโดยตรงกับผู้ซื้อ ลดการพึ่งพาคนกลาง


ระบบชลประทานอัจฉริยะ อนุรักษ์น้ำในขณะที่มั่นใจว่าพืชผลได้รับน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ



2. การสร้างความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


การกระจายพันธุ์พืช การสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชผลหลากหลายชนิดที่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้


การทำฟาร์มอินทรีย์ ส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ช่วยปรับปรุงสุขภาพของดินและลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี


การเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ มอบเครื่องมือและความรู้แก่เกษตรกรเพื่อบรรเทาผลกระทบจากน้ำท่วม ภัยแล้ง และแมลงศัตรูพืช



3. ส่งเสริมให้เกษตรกรมีอำนาจผ่านการศึกษา


ศูนย์ความรู้ การจัดตั้งศูนย์การศึกษาและการฝึกอบรมด้านการเกษตรในท้องถิ่น


การเรียนรู้ร่วมกัน การสนับสนุนให้เกษตรกรแบ่งปันประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด


ความรู้ทางการเงิน การสอนให้เกษตรกรบริหารจัดการรายได้ การลงทุน และการออมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประเด็นนี้ผมมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก



4. การเสริมสร้างการเข้าถึงตลาด


โครงการการค้าที่เป็นธรรม การรับรองว่าเกษตรกรจะได้รับค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกันสำหรับผลผลิตของตน


โอกาสในการส่งออก การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยในตลาดโลก


ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม การสนับสนุนให้เกษตรกรแปรรูปวัตถุดิบเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น การเปลี่ยนมันสำปะหลังเป็นแป้ง หรือผลไม้เป็นขนมขบเคี้ยวแห้ง เป้นต้น

บทบาทของภาครัฐและภาคเอกชน


เพื่อให้วิสัยทัศน์นี้เกิดขึ้นจริง ความร่วมมือเป็นสิ่งจำเป็น รัฐบาลต้องมีบทบาทเชิงรุกในการกำหนดนโยบาย การอุดหนุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมกันนี้ ภาคเอกชนยังสามารถลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยี สร้างโอกาสทางการตลาด และจัดทำโครงการให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรได้

กรณีศึกษาความสำเร็จ


โครงการเกษตรกรอัจฉริยะ ในภาคเหนือของประเทศไทย เกษตรกรที่ใช้เทคนิคการเกษตรแม่นยำพบว่าผลผลิตเพิ่มขึ้น 40% ในขณะที่ลดการใช้น้ำลง 30%


การปลูกข้าวอินทรีย์ ชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้เปลี่ยนมาใช้การเกษตรอินทรีย์ ทำให้มีราคาสูงขึ้นทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ (ซึ่งทางรายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน ได้นำเกษตรกรมาออกอากาศอยู่หลายครั้ง)


การท่องเที่ยวเชิงเกษตร การผสมผสานการเกษตรกับการท่องเที่ยวทำให้เกิดช่องทางรายได้ใหม่ ๆ แก่เกษตรกรในภาคใต้ และทั่วประเทศ ของประเทศไทย
(ทางรายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน ได้นำมาออกอากาศอยู่หลาย EP.)

เส้นทางข้างหน้า


การปลดล็อกอนาคตของเกษตรกรไทยไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากประเทศไทยปรารถนาที่จะเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ภาคการเกษตรจึงต้องพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการเสริมพลังให้เกษตรกร ยอมรับเทคโนโลยี และส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ประเทศไทยสามารถสร้างยุคฟื้นฟูการเกษตรที่ยกระดับผู้คนนับล้านและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้นะครับผมเชื่อมั่นแบบนั้น...

ไร่ สวน และ ทุ่งนาของประเทศไทยพร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการสนับสนุนที่ถูกต้อง อนาคตของเกษตรกรไทยจะสดใส เป็นประภาคารแห่งความหวังและความมั่งคั่งให้กับทั้งประเทศได้ในที่สุดท่านว่าจริงไหมครับ....

ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
Bloger   :
    http://www.dolravee.com/
Facebook :    https://goo.gl/qNF1ak
Youtube  :    https://goo.gl/F6d8A4

 

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

ใส่ปุ๋ยต้องรดน้ำตามไหม? | คุยกับ อ.ตรี ตอน 6

  

วันนี้จะทั้งตอบฅำถามและเขียนเป็นบทความให้ อาจารย์อาคมที่ขอมา

เริ่มที่ "ปุ๋ยไม่มีขา รากไม่มีมือ" หลายรายอ่านแล้วก็งงๆ ความหมายก็คือ เวลาเราใส่ปุ๋ย หลายคนมักจะไม่ค่อยสนใจเรื่ององค์ประกอบว่าใส่แล้วปุ๋ยแล้ว จะเข้าไปในพืชได้อย่างไร? หรือ พืชเอาไปใช้ได้อย่างไร? เนื่องจากทุกอย่างที่ใส่ลงไปในดินก่อนที่พืชจะนำไปใช้ต้องละลายเป็นสารละลาย หรือ แตกตัวเป็นอิออนก่อนถึงจะถูกดูดเข้าสู่ต้นไม้ ดังนั้นหลายคนมักจะถามว่าหว่านปุ๋ยเสร็จแล้วต้องรดน้ำมั้ย ก็ให้สังเกตุว่าใส่ปุ๋ยเสร็จ ปุ๋ยตกลงไปก็อยู่ตรงนั้น และขณะเดียวกันเมื่อมันตากแดดตากลมมากๆ

ธาตุบางตัวก็จะสูญเสียในอากาศโดยเฉพาะไนโตรเจน ดังนั้น จะสังเกตุว่าการออกแบบการใส่ปุ๋ย ผมจะออกแบบให้พืชสามารถนำไปใช้ได้เลย หรือ ฝากไว้กับวัสดุที่ใส่เสริมลงไปในดินในรูปของวัสดุฟื้นฟูดินสูตรต่างๆ หรือ แบบที่ย่อยแล้ว (สูตร 2) หรือ ใส่เสริมลงไปโดยเป็นสารละลาย หรือ ให้อยู่ในรูปอินทรีย์ คีเลต (Chelate)

(ปุ๋ยคีเลต (Chelate) เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในบริบทของปุ๋ยและการให้ธาตุอาหารในการเกษตร ปุ๋ยคีเลต หมายถึงปุ๋ยที่ประกอบไปด้วยธาตุอาหารที่ถูกผูกเข้ากับสารอื่นที่เรียกว่า chelating agent (สารเชลเลต) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำธาตุอาหารเข้าสู่พืช)

ดังนั้น สรุปเวลาจะใส่ปุ๋ย ต้องไม่ถามว่าใส่ปุ๋ยแล้วต้องรดน้ำมั้ย สองปัจจัยที่จะใส่เท่าไหร่ เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของต้น คุณภาพของดิน และ ฝนฟ้า อากาศ ข้อนี้คงจะไม่เป็นปัญหาอีกเรื่องที่จะต้องถามว่าจะสังเกตุอย่างไร? ก็ให้สังเกตุส่วนของพืชที่ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ฟื้นตัวไหม หรือถ้าเป็นยางก็ให้สังเกตุผลผลิตที่ค่อยๆฟื้นตัวนะครับ 

บทความ : อาจารย์ ตรี รัชยุทธ วรรณศิริบุญ
นักวิชาการอิสระ และ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายเกษตรรุ่นใหม่พัฒนา PRM

ชุดความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมศาสตร์ฟื้นฟูดิน PRM เจาะลึก สุดถึงแก่น สู่ความยั่งยืน

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ

  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ

  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

สรีระของพืชที่เกษตรกรควรรู้ : หน้าที่การทำงานของรากพืช | คุยกับ อ.ตรี ตอน 5


บทความวันนี้ผมอยากจะพูดเรื่องสรีระของพืชที่มีความเกี่ยวข้องกับพื้นภูมิความรู้ที่เราเกษตรกรต้องรู้และนำไปใช้กัน สรีระของพืชที่เกษตรกรต้องรู้ ก็คือ ต้นพืชมีองค์ประกอบที่ใช้ในการดำรงค์ชีพ คือ ราก ลำต้น กิ่งก้าน ใบ ดอก ผล แต่วันนี้จะขอพูดเรื่องรากในส่วนสำคัญๆ ที่อยากให้สมาชิกเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ก่อน...

ราก คือ อวัยวะของพืชส่วนที่ใช้ดูดซับน้ำ และสารอาหาร มี 2 ประเภท คือ รากอากาศ และ รากในดิน ในส่วนของรากอากาศจะอยู่ในพืชประเภทกล้วยไม้ต่างๆ กาฝาก เป็นต้น จะมีรากที่ใช้เกาะยึดอาศัยพยุงตัว แต่ไม่เบียดเบียนและแย่ง หรือดูดทำลายพืชที่ให้อาศัยเป็นหลักเกาะยึด แต่อีกชนิดนึ่งจะสร้างรากแทงเข้าไปในเนื้อเยื้อพืชที่มันเกาะอยู่ แล้วแย่งดูดน้ำเลี้ยงที่พืชอาศัยเกาะอยู่ในลักษณะกาฝากกับพืชอีกชนิดที่มีรากหยั่งลึกลงไปในดินหรือในน้ำ และวันนี้จะขอใช้บทความนี้อธิบายให้สมาชิกบางท่านได้เข้าใจถึง "หน้าที่การทำงานของรากพืช"

แต่หน้าที่หลักที่พืชใช้รากในการดูดซับสารอาหารแล้ว พืชยังใช้รากในการยึดเกาะให้ลำต้น การจัดแบ่งรากนอกจากแบ่งในลักษณะดังกล่าวแล้ว รากพืชบางส่วนของพืชบางชนิดยังมีการพัฒนาเป็นทุ่นลอยน้ำ เช่น รากของแพงพวย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหน้าที่ ที่พืชแต่ละชนิด พัฒนาปรับสภาพตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม...

รากพืชเมื่อพัฒนาจากเมล็ดจะมีขนาด และการแตกกิ่งก้านออกมาต่างชนิดต่างขนาดกันซึ่งพอจัดแบ่งตามขนาดดังนี้ รากแก้ว รากกิ่ง รากแขนง รากฝอย และ รากขน โดยไม้ล้มลุกจะมีรากแขนง และ รากขนเป็นหลัก ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช และ พืชใช้รากเหล่านี้แตก และยื่นส่งรากฝอยออกไป เพื่อให้รากขนที่ปลายรากฝอยได้ขยับหาแหล่งดูดซับสารอาหารที่อยู่ในดินออกไปทีละนิดที่ละนิด โดยที่ปลายรากฝอยเหล่านี้ที่มีรากขนอยู่ จะเกิดใหม่ และเมื่อรากขนเก่ามีอายุ 2-4 วันก็จะหมดอายุ และ ตายไป ในปลายรากขน จะมีจุลินทรีย์จำนวนมากอาศัยอยู่ทั้งใน และ ด้านนอกรอบๆ รากขน 

ที่ค่อยแตกตัวธาตุอาหารที่น้ำละลายไม่ได้ให้รากสามารถดูดซับไปใช้ได้ ดังนั้นการใช้ยา และ สารเคมีต่างๆ ที่เราใช้เพื่อป้องกันรา และ โรคต่างๆ ล้วนแล้วค่อยๆ มีผลต่อชีวิตในดินทั้งสิ้น เมื่อถึงจุดๆหนึ่งก็จะไปแสดงต่อสุขภาพ หรือ ความแข็งแรงของพืช ที่นี้ก็เรามาดูอีกทีเรื่อง คือ เหล่าจุลินทรีย์ต่างๆ ที่อยู่ทั้งภายใน และ ภายนอกรากขน พืชจะส่งสารประเภท คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) ที่สังเคราะห์เสร็จจากใบส่วนนึงมาเลี้ยงราก และ แบ่งปันส่วนนึงให้กับเหล่าจุลินทรีย์เหล่านี้...

จากเหตุผลดังกล่าว ก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นข้อเตือนใจถึงเหล่าชาวสวนปลูกยางทั้งหลายเรื่องการกรีดยาง และ การใช้ฮอร์โมนเร่งน้ำยาง จนกระทั้งไม่มีน้ำยางเหลือเพื่อส่งไปเลี้ยงราก และ เหล่าจุลินทรีย์ดังกล่าว เหมือนคนถูกถ่ายเลือดบ่อยจนเกินจากที่ร่างกายจะผลิตได้ทัน เมื่อร่างกายผลิตไม่ทัน ร่างกายก็จะไม่มีเลือดที่ทั้งทำหน้าที่ส่งออกซิเจน และ อาหารที่ให้พลังงานกับชีวิตไปให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และ ขนย้ายของเสียจากส่วนต่างๆ ไปฟอกที่ไตและตับ

สำหรับสมาชิกที่ปลูกยางคงได้คำำตอบคร่าวๆ แล้วนะครับ ส่วนสมาชิกที่ชอบพ่นยาฆ่าต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน พ่นฆ่าอย่างเช่น ไฟท็อป แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ฆ่าแค่ไฟท๊อป แต่มันฆ่า และทำลายหลายอย่างในบริเวณนั้น หยุดเถอะครับ หยุดเถอะ! 

การใช้แนวทางที่ขาดการเรียนรู้ในองค์ความรู้รวม เหมือนดังเช่นกับคำว่า "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ว่าท่านเข้าใจในเรื่องที่ท่านทำจริงๆ แล้วยัง? ท่านเข้าถึงความรู้ดังกล่าวแค่ไหน? เหล่านี้ล้วนจะทำให้เราและท่านพัฒนาอาชีพเกษตรกรของท่านได้อย่างยั่งยืน ด้วยความปราถนาดีจาก การเกษตรรูปแบบ PRM การเกษตรที่เป็นอภิปรัชญตาสำหรับเกษตรกรทุกผู้ทุกคนครับ...

พระหัตถ์ของพ่อ ร.9 ภาพเดียวที่สื่อได้ทุกอย่าง

มือที่เราเหล่าชาว PRM ต้องเอาเป็นแบบอย่าง
"ลูกพ่อ รักพ่อ เราจะเดินตามพ่อ"

พ่อที่เป็นแบบอย่างทั่วโลก จนทั่วโลกยอมรับ
"5 ธันวา วันดินโลก"
วันที่เกษตรรุ่นใหม่พัฒนาใช้เป็นฐานในการเพาะปลูก

บทความ : อาจารย์ ตรี รัชยุทธ วรรณศิริบุญ
นักวิชาการอิสระ และ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายเกษตรรุ่นใหม่พัฒนา PRM

ชุดความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมศาสตร์ฟื้นฟูดิน PRM เจาะลึก สุดถึงแก่น สู่ความยั่งยืน

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

การใส่ปุ๋ยในอากาศปิดหลายวันมีผลต่อพืชอย่างไร? (ต่อ) | คุยกับ อ.ตรี ตอน 4

ขอต่อบทความที่เกี่ยวกับเรื่องการใส่ปุ๋ยจำเป็นมั้ยต้องรอให้ฝนทิ้งช่วง รอให้ดินโศกน้ำ ค่อยใส่ปุ๋ย บอกเลยครับ จากอธิบายการใช้น้ำ และการคายน้ำของพืช ตัวที่เราต้องยึดเป็นหลักคือตัวที่ให้พลังงานกับพืชที่ใช้ในการเปลี่ยนน้ำไปเป็นไอคายออกมา กับ อีกกรณีหนึ่ง คือเปลี่ยนน้ำเป็นสารอาหารใช้ในตัวพืช ดังนั้น หากฝนหยุดตกและมีแสงแดดแรงกล้า เราสามารถใส่ปุ๋ยได้ทันที เพราะเมื่อมีการคายน้ำ และใช้น้ำระบบท่อน้ำในโครงสร้างของพืชจะขาดน้ำและเกิดแรงดึงดูด หรือ ออสโมซิส (Osmosis) ซึ่งการดูดเข้าจะเข้ามาพร้อมกับการละลายที่เป็นอิออนของธาตุอาหาร...

 โอเครครับ เอาพอเข้าใจแบบง่ายและเห็นภาพเพื่อให้พวกเราได้คำตอบเพื่อนำไปปฏิบัติ

ส่วนคำถามที่ว่า หากอากาศปิดหลายๆวัน แสงแดดไม่พอเพียงให้พืชใช้สังเคราะห์แสงแบบที่ อ.เป็ดท่านถามเพื่อหาฅำตอบและความเข้าใจให้สมาชิกนั้น กรณีนี้ให้พิจารณาถึงความแข็งแรงของต้น ว่าพืชมีความแข็งแรงขนาดไหน แล้วมีการสะสมอาหารของพืชสมบูรณ์เพียงพอมั้ย พืชมีภาระการเลี้ยงดูต้น หรือ มีกำลังฟื้นฟูต้น หรือ มีผลผลิตติดผลมากจนจะทำให้พืชทรุด เพราะหากพืชปรุงอาหารไม่ได้หลายๆวัน ในการผลิต ผลผลิตจำนวนมาก เพื่อให้โตภายในกรอบรอบวันที่กำหนด เมื่อปรุงอาหารไม่ได้ก็จะไปดึงจากส่วนต่างๆของส่วนอื่นไปใช้ ทำให้พืชมีความสมบูรณ์ถอยหลัง ในกรณีดังกล่าวหากฟ้าปิดเกิน 3-4 วัน เราอาจให้น้ำเกลือกับพืชแบบคนป๋วยคือการฉีดพ่นทางใบอีกทางครับ

ส่วนอีกคำถามที่ คุณปุ้ย ถามให้กับสมาชิกแบบขอแบบเร่งด่วนว่า ช่วงนี้ฝนตกหนักน้ำท่วมขัง เราจะดูแลลทุเรียนอย่างไรหลังน้ำท่วมขัง ก็ง่ายๆเรื่องแรก รีบเปิดทางน้ำไม่ให้น้ำท่วมขังนานเกิน เรื่องที่ ต้องงดเว้น คือการเข้าไปย้ำใต้ทรงพุ่ม เพราะช่วงนี้รากจะอ่อนแอ หรือ เสียหาย โรคจะเข้าโจมตีได้ง่าย เรื่องที่สามคือเมื่อให้น้ำจนดินเริ่มโศกน้ำ ให้กระตุ้นรากให้แตกใหม่เพิ่ม ในแนวทางการเกษตรรูป PRM จะใช้วิธีหว่านโซคอนเพื่อกระตุ้นรากใหม่ เรื่องที่ห้าให้เสริมธาตุย่อยธาตุเสริมต่างๆ และสังเกตุถึงการแตก และกระจายรากใหม่ เพราะพอน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก น้ำฝนและน้ำที่หลากจะละลายเอาธาตุอาหารต่างๆไปด้วยครับ...

เช้าวันจันทร์ ตลอดจนทั้งวัน ผมติดภาระกิจพา ท่าน ผ.อ.พัฒนาที่ดินจังหวัด และ สมาชิกบางท่าน ดูงานการเกษตร PRM ที่ทำกันที่จ.สุพรรณ อยุธยาและ อาจรวมถึงกาญจนบุรี ด้วย รวมทั้งแก้ปัญหาการแก้ปัญหาการขาดธาตุของพืชหลังฝนตกและน้ำท่วมขัง วันนี้จึงอาจจะไม่ได้เขียนบทความที่เพิ่มเติมให้ นอกจากบทความที่ค้างเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมากำลังเร่งทำงานหลายเรื่องรวมทั้งอัดคลิปบางเรื่องส่งให้ท่าน อ.อาคม ครับ...

 

บทความ : อาจารย์ ตรี รัชยุทธ วรรณศิริบุญ
นักวิชาการอิสระ และ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายเกษตรรุ่นใหม่พัฒนา PRM

ชุดความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมศาสตร์ฟื้นฟูดิน PRM เจาะลึก สุดถึงแก่น สู่ความยั่งยืน

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^
 

การใส่ปุ๋ยในอากาศปิดหลายวันมีผลต่อพืชอย่างไร? | คุยกับ อ.ตรี ตอน 3


เมื่อวานเขียนบทความเล่าให้ฟังว่า เมื่อมีแสงแดด พืชใช้น้ำอยู่ 2 กรณีโดยเมื่อพืชคายน้ำเพื่อระบายความร้อนของแสงแดดที่สาดส่องลงมา ทำให้ปริมาณน้ำในโครงสร้างพืชลดลงนอกจากปริมตรน้ำในท่ออาหารลดลงแล้ว เกิดความเข้มข้นของน้ำในท่อน้ำ เนื่องจากพืชคลายน้ำออกไป จากเงื่อนไขใน 2 กรณี จึงทำให้เกิดแรงดูดซับในส่วนของรากขน ดูดซับน้ำจากภายนอกระบบรากขนพร้อมกับธาตุอาหารที่ละลายน้ำ และที่จุลินทรีย์ในดินแตกตัวให้เข้าสู่ระบบรากมาพร้อมน้ำ 

ด้วยน้ำที่เป็นสารละลายเหล่านี้ จะถูกดึงส่งต่อเซลล์ต่อเซลล์ของระบบท่อส่งน้ำเข้าสู่ใบพืชเพื่อเปลี่ยนน้ำและคาร์บอนไดออกไซค์ที่จับจากอากาศ และสภาพแวดล้อมเป็นน้ำตาล ก่อนเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแป้งแล้วส่งต่อออกมาเปลี่ยนรูปตามส่วนต่างๆ ของพืช

เมื่อทราบข้อมูลคร่าวๆ ที่ทวนให้แล้ว ที่นี้ก็จะขอทวนเรื่องเมื่อพืชดูดน้ำและธาตุอาหารเข้าระบบรากโดยการออสโมซีส ความเข้มข้นภายในรากจะต้องสูงกว่าบริเวณรอบรากขน ขบวนการ ออสโมซิส (Osmosis) จึงจะเกิดความสมบูรณ์ หากว่าความเข้มข้นของธาตุอาหาร และน้ำมีความเข้มข้นสูง ก็จะเกิดขบวนการที่เรียกว่า พลาสโมไลซิส (Plasmolysis) คือน้ำในนะบบรากจะถูกดึงออกสู่ภายนอกระบบราก ทำให้พืชสูญเสียน้ำ พืชจะแสดงอาการเหยี่ยวเฉาหากสูญเสียน้ำมากๆ อาจทำให้พืชช๊อกตาย ที่พวกเราเรียกว่าใส่ปุ๋ยจนดินเค็มไป

จากเหตุผลดังกล่าวจึงพอสรุปได้ว่า หากเราจะใส่ปุ๋ยต้องใส่เป็นระยะยิ่งทุกวันได้ยิ่งดี แต่ใส่น้อยๆ ใส่แบบเจือจาง เพราะพืชต้องการธาตุอาหารที่เป็น ธาตุคาร์บอน ไฮโตรเจน และ ออกซิเจน เป็นหลัก ส่วนอื่นอีกสิบกว่าตัวไม่ว่าจะเป็น N P K ที่บอกว่าใช้เยอะแล้วรวมกับธาตุย่อยธาตุเสริมตัวอื่น ยังไม่ถึง 1% ของน้ำหนักต้นเลย ดังนั้นการใส่ธาตุอาหารให้พืชต้องรู้จักพิจารณา 

งานวิจัย PRM จึงพัฒนาวิชาการใส่ปุ๋ยที่มีทั้งส่วนกินได้ทันที และฝากไว้กับวัสดุที่ผสมคลุกเคล้าลงไปให้ อีกทั้งวัสดุดังกล่าวได้นำวัสดุเหลือใช้ทางด้านการเกษตรมาใช้ซึ่งในวัสดุดังกล่าวก็คือซากพืชซากสัตว์ที่ก่อตัวมาจากธาตุอาหาร เมื่อสลายตัวก็จะปลดปล่อยธาตุอาการได้ครบ ในส่วนนั้นเราจึงค่อยมาดูว่าพืชผลิใบใหม่แสดงอาการขาดธาตุอะไร? ในกรณีนี้จึงค่อยเติมเสริมเพิ่ม จึงเกิดวัสดุปรับปรุงดินสูตร 4 ในรูปปุ๋ยสูตรน้ำให้ทุกคนได้ใช้ผสมเพิ่มเติมใน สูตร 2 และ สูตร 3

ส่วนวิธีการใส่ปุ๋ยในปัจจุบัน ที่พวกเราใส่ปุ๋ยเคมี N P K ที่ผ่านมา ผมไม่ขอวิจารณ์เยอะ แต่จะชี้เปรียบเทียบให้เห็นเหมือนเราเลี้ยงลูก เราสามารถที่จะตามใจหรือมักง่ายกับลูกได้ แต่จะนำมาซึ่งการขาดธาตุอาหารแบบไม่สมดุลย์

ลูกเราสามารถที่จะกินเนื้อสัตว์ต้มเปล่าๆบวกกับข้าวเปล่าทุกวันได้ แต่เมื่อกินไปนานๆ ลูกเราก็จะเกิดอาการขาดเกลือแร่ และวิตามิน เช่นเดียวกับพืช ด้วยความที่เกษตรกรไม่รู้ซึ้งถึงความจริงของการใส่ธาตุอาหารและเข้าใจว่ายิ่งใส่เยอะยิ่งดี เหล่านี้ที่งาน  PRM ต้องเสาะหาความจริงมาให้ชาวเราได้ใช้เป็นหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง 

คงจะขอพรุ่งนี้ต่อเนื้อหาให้ เพราะวันนี้ทั้งฟอกไต และงานเต็มไปหมด พรุ่งนี้แต่เช้าจะต่อเนื้อหาให้อีกทีนะฅรับ...

บทความ : อาจารย์ ตรี รัชยุทธ วรรณศิริบุญ
นักวิชาการอิสระ และ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายเกษตรรุ่นใหม่พัฒนา PRM

ชุดความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมศาสตร์ฟื้นฟูดิน PRM เจาะลึก สุดถึงแก่น สู่ความยั่งยืน

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

การฟื้นฟูต้นไม้ในฤดูฝน | คุยกับ อ.ตรี ตอน 1

ช่วงเวลาฝนตก นั่งมองน้ำฝนที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า อดไม่ได้ที่จะหา เหตุและผลว่า ทำไมแค่น้ำฝนหยดลงมา กลับทำให้ต้นไม้ทั้งโลกฟื้นตัว

วันนี้ขอนำบทความเรื่องการฟื้นฟูต้นไม้ในฤดูฝนมาถอดบทความให้สมาชิกได้อ่านทำความเข้าใจกัน ในฤดูฝนเป็นฤดูที่เหมาะสมกับการฟื้นฟูพืชทุกชนิด มีการเติมเต็มไนโตรเจนทางธรรมชาติแบบสมดุลย์ เพราะไนโตรเจนในอากาศที่ละลายน้ำฝน พร้อมความชื้นลงมากับฝนเป็นสัดส่วนทางธรรมชาติที่ธรรมชาติออกแบบไว้จนเป็นสัดส่วนที่พืชยอมรับ 

หากมากกว่านั้นพืชก็จะอวบอ้วนจนเป็นปัญหากับตัวพืชเอง เพราะโรคกับแมลงจะเข้าโจมตีได้ง่าย แต่บางพื้นที่ ที่แม้มีฝนตก รดพรมแต่ต้นไม้ไม่งาม ก็เพราะสัดส่วนของธาตุอาหารในดินที่เป็นองค์ประกอบตัวอื่นไม่สมดุลย์ ทำให้พืชเจริญเติบโตแบบไม่สมดุลย์

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมถึงได้บัญญัติวิธีการให้ธาตุอาหารพืช แบบเจือจาง และถี่ๆ โดยผ่ายขบวนการให้โดยทางอ้อม คือฝากไปกับวัสดุฟื้นฟูดินในแต่ละสูตรและวิธีการใช้ต่างๆ เพื่อให้ในดินมีธาตุอาหารที่ค่อยเสริฟให้กับรากพืชตลอดเวลาที่พืชออสโมซีสเอาน้ำ  และธาตุอาหารไปใช้ 

บทความนี้คงตัดข้อสงสัยที่พวกเราชอบหาฅำตอบจากผมว่า วัสดุฟื้นฟูดินต้องใส่กี่วันครั้ง? ทำไมใส่น้อยจัง?  ใส่แค่นี้จะพอเหรอ? นี้แหละ "อภิปรัชญาตาพีอาร์เอ็ม"

บทความ : อาจารย์ ตรี รัชยุทธ วรรณศิริบุญ
นักวิชาการอิสระ และ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายเกษตรรุ่นใหม่พัฒนา PRM

ชุดความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมศาสตร์ฟื้นฟูดิน PRM เจาะลึก สุดถึงแก่น สู่ความยั่งยืน

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพุธ เวลา 19.00 น. - 21.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^
 

บทความที่ได้รับความนิยม