ไร่ไพวัลย์ ปั้นฝันปฐพี เกษตรแห่งอนาคตไทย | คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน EP.99

 


 ไร่ไพวัลย์ ต้นแบบเกษตรปราณีตและวิสัยทัศน์แห่งอนาคตเกษตรไทย 

ไร่ไพวัลย์ ณ จังหวัดลพบุรี ภายใต้การนำของคุณไพวัลย์ แจ่มแจ้ง เป็นกรณีศึกษาที่ชัดเจนของการผสานปรัชญาการทำเกษตรกับนวัตกรรมสมัยใหม่จนเกิดเป็นระบบการผลิตที่มีคุณภาพ แข่งขันได้ และยั่งยืน เอกลักษณ์สำคัญของไร่คือแนวคิด “เกษตรปราณีต” ซึ่งเน้นคุณภาพเหนือปริมาณ การจัดการพื้นที่ขนาดย่อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการออกแบบวงจรการผลิตที่สร้างรายได้หลายช่วงเวลา ทำให้ครอบครัวเกษตรกรสามารถมีรายได้ที่ต่อเนื่องและคาดการณ์ได้



แก่นของเกษตรปราณีตที่ไร่ไพวัลย์สะท้อนผ่านการลงรายละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกและจัดการต้นพันธุ์ไปจนถึงการจัดการผลผลิต พื้นที่ขนาดเล็กประมาณ 3 ไร่ต่อครอบครัวถูกออกแบบให้ดูแลได้ทั่วถึงและรักษามาตรฐาน คุณไพวัลย์ให้ความสำคัญกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อให้ได้ต้นพันธุ์ปลอดโรคและมีวงรอบการเจริญเติบโตสม่ำเสมอ ซึ่งลดความเสี่ยงจากโรคพืชเมื่อเทียบกับการขุดหน่อแบบดั้งเดิมและเอื้อให้การวางแผนตลาดเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในเชิงเทคนิค ไร่ไพวัลย์นำแนวปฏิบัติที่เหมาะสมมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบ ได้แก่ การปลูกกล้วยหอมคาเวนดิสแบบ 3 ต้นต่อหลุมที่ระยะ 3×3 เมตรเพื่อให้ต้นแผ่ออกรับแสงรอบด้าน เทคนิคการใช้เชือกประคองแทนการตัดไม้ค้ำ การตัดปลีครึ่งหนึ่งเพื่อควบคุมโรค และการคลุมถุงประคองเครือเพื่อลดรอยช้ำเพื่อให้รูปทรงหวีสวยงาม นอกจากนี้ ไร่ยังใช้ระบบน้ำหยดและห้องเย็นควบคุมอุณหภูมิสำหรับการบ่มที่ประมาณ 17–20°C โดยพลังงานทั้งหมดมาจากระบบโซลาร์เซลล์ ทำให้การบ่มและการเก็บรักษาสามารถทำได้อย่างยั่งยืนและลดต้นทุนระยะยาว



เพื่อให้รายได้ไม่ผันผวน ไร่ไพวัลย์ออกแบบการปลูกพืชแซมสร้างรายได้ระหว่างรอผลผลิตหลัก โดยในร่องกลางจะปลูกแตงโมจำนวนมากซึ่งให้ผลผลิตขนาดสม่ำเสมอและสามารถสร้างรายได้ภายใน 65 วัน จากนั้นต่อด้วยการปลูกมะเขือตามออร์เดอร์ของตลาด ทำให้พื้นที่เดียวกันสร้างรายได้ระยะสั้น รายวัน/รายเดือน และรายปีควบคู่กัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ครอบครัวเกษตรกรอยู่ได้และไม่ต้องพึ่งราคาตลาดเพียงอย่างเดียว

โมเดลธุรกิจของไร่ไพวัลย์ยืนอยู่บนแนวคิด “ตลาดนำการผลิต” และหลักการปฏิบัติที่ว่า “คนปลูกไม่ต้องขาย คนขายไม่ต้องปลูก” โดยการทำสัญญารับซื้อ/ตกลงราคาล่วงหน้ากับผู้ซื้อช่วยสร้างความแน่นอนด้านรายได้และหลีกเลี่ยงปัญหาผลผลิตล้นตลาด การแบ่งบทบาทระหว่างผู้ผลิตมืออาชีพและผู้จำหน่ายมืออาชีพช่วยให้เกิดความเชี่ยวชาญในหน้าที่ ลดความเสี่ยง และต้องอาศัยวินัยทั้งสองฝ่ายรวมถึงคุณธรรมในการส่งมอบสินค้าที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค



ด้านความยั่งยืน ไร่ไพวัลย์ไม่ใช้การเผาซากพืช แต่ใช้การคลุมด้วยฟางและปุ๋ยคอก ปล่อยให้หญ้าช่วยรักษาความชุ่มชื้นของดิน แล้วทำให้หญ้าราบเพื่อให้ย่อยสลายเป็นอินทรียวัตถุ เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างดินและสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ การปลูกไผ่เป็นแนวกันลมยังช่วยลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและเพิ่มรายได้เสริม ขณะเดียวกันการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ 100% ในทุกกระบวนการเป็นตัวอย่างการลดต้นทุนพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เบื้องหลังความสำเร็จของไร่คือวิสัยทัศน์ที่ใหญ่ว่าเกษตรกรรมต้องสร้างคนและสร้างชาติ การเปิดศูนย์เรียนรู้ให้ผู้สนใจศึกษาฟรี เป้าหมายย่อยๆ เช่น โมเดล 3 ไร่สำหรับครอบครัวเล็ก ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การเกษตรเป็นอาชีพที่ดึงคนรุ่นใหม่กลับบ้าน และสืบสานเจตนารมณ์จากบรรพบุรุษและแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งสะท้อนผ่านคำพูดของคุณไพวัลย์ว่า “รอยยิ้มของเกษตรกร คือความสำเร็จของผม”



สำหรับผู้ที่เป็นฝ่ายส่งเสริมชุมชนที่ต้องการใช้บทเรียนจากไร่ไพวัลย์เป็นแนวทางปฏิบัติ แนะนำการสนับสนุนเชิงนโยบาย ได้แก่ การตั้งศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อระดับภูมิภาคเพื่อลดต้นทุนต้นพันธุ์ การจัดสินเชื่อสีเขียวสนับสนุนระบบโซลาร์และห้องเย็น การส่งเสริมสัญญาการตลาดล่วงหน้าและกรอบค้ำประกัน/ประกันราคา และการลงทุนในศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติที่จะขยายโมเดล 3 ไร่สู่ชุมชน ซึ่งหากดำเนินการร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ไร่ไพวัลย์สามารถเป็นต้นแบบที่เปลี่ยนการเกษตรระดับประเทศให้เป็นเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งและยั่งยืน

 

ประเด็นสำคัญเชิงกลยุทธ์ (Executive highlights)

  • โมเดลธุรกิจ: “ตลาดนำการผลิต” + ข้อตกลงล่วงหน้า = ความแน่นอนด้านราคาและอุปทาน
  • เทคนิคการผลิต: เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture), ปลูก 3 ต้น/หลุม ระยะ 3×3 ม., เทคนิคตัดปลีครึ่งหนึ่ง และการบ่มในห้องเย็น 17–20°C (ใช้พลังงานจากโซลาร์)
  • รายได้แบบหลายชั้น:แตงโมระยะสั้น (ประมาณ 65 วัน), มะเขือตามออเดอร์ เป็นรายได้รายวัน-รายเดือน และกล้วยคาเวนดิสเป็นรายได้หลักประจำปี
  • ความยั่งยืน: พลังงานแสงอาทิตย์ 100%, ไม่เผาซากพืช, ปลูกหญ้า/คลุมดินและใช้ไผ่เป็นแนวกันลม
  • ภารกิจเชิงสังคม: ศูนย์เรียนรู้ไม่คิดค่าใช้จ่าย เป้าดึงคนรุ่นใหม่กลับบ้านเกิด และสืบสานเจตนารมณ์พ่อ/ในหลวง ร.9


ทำไมผู้บริหารบ้านเมืองควรให้ความสนใจ

  • ลดความเสี่ยงเชิงราคาและตลาด — การทำสัญญารับซื้อล่วงหน้าทำให้วงจรการลงทุนของเกษตรกรมีความคาดการณ์ได้ ช่วยลดความผันผวนทางรายได้ของภาคเกษตรชาติ
  • โมเดลขนาดย่อมที่ขยายได้ — แนวคิด 3 ไร่ต่อครอบครัวเป็นโมเดลที่สามารถสนับสนุนด้วยนโยบายสินเชื่อ/อบรม เพื่อสร้างงานให้แรงงานท้องถิ่นและดึงเยาวชนกลับบ้าน
  • คุณภาพเพื่อการส่งออก — การควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้น (Tissue Culture, การคัดเครือ/การบ่ม) ทำให้สินค้าไทยมีความพร้อมแข่งขันเชิงคุณภาพในตลาดต่างประเทศ
  • ความยั่งยืนด้านทรัพยากร — ใช้พลังงานทดแทนและเทคนิคอนุรักษ์ดิน ลดต้นทุนและผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระยะยาว



แนวปฏิบัติที่ควรสนับสนุน (คัดย่อจากไร่ไพวัลย์)

  • การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อได้ต้นพันธุ์ปลอดโรค และวงรอบการเก็บเกี่ยวสม่ำเสมอ
  • การปลูก 3 ต้น/หลุม (ระยะ 3×3 ม.) ให้ต้นแผ่รับแสงรอบด้าน เครือไม่เบียดกัน ทำให้รูปทรงหวีสวย
  • เทคนิคประคองและตัดแต่ง (เชือกแทนไม้ค้ำ, ตัดปลีครึ่งหนึ่ง, ถุงคลุมเครือ) ลดการช้ำและเชื้อรา
  • การจัดการพืชแซมแบบตามออร์เดอร์ (แตงโม/มะเขือ) เพื่อสร้างรายได้ช่วงรอผลผลิตหลัก
  • การใช้โซลาร์เต็มระบบ สำหรับระบบน้ำและห้องเย็นบ่มกล้วย ลดค่าไฟและเป็นจุดขายเชิงสิ่งแวดล้อม

 

ความเสี่ยงที่ต้องบริหาร & แนวทางบรรเทา

  • ความเสี่ยงจากการพึ่งผู้ซื้อรายเดียว/สัญญาไม่เป็นไปตามนัด → กระจายผู้ซื้อ ทำสัญญาที่มีบทลงโทษ/ค้ำประกัน
  • โรคระบาดพืช → ขยายศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ปรับระบบเฝ้าระวัง และมีแผนกักกัน/กำจัดเชื้อ
  • ต้นทุนเทคโนโลยีเบื้องต้นสูง → สนับสนุนผ่านสินเชื่อผลประโยชน์ต่ำ หรือโปรแกรมร่วมลงทุน/สตาร์ทอัพด้านเกษตร
  • การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ → เสริมระบบชลประทานหยด, แนวกันลม (ไผ่) และทำประกันภัยพืชผล

 

ข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับผู้บริหารประเทศ (กระชับ, ปฏิบัติได้)

  • ส่งเสริมสัญญาการตลาดระยะยาว ระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับผู้ซื้อ/ผู้ส่งออก พร้อมกรอบค้ำประกันความเสี่ยง
  • สนับสนุนศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อระดับภูมิภาค เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดโรคของต้นพันธุ์
  • เงินทุน/สินเชื่อสีเขียว สำหรับติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และห้องเย็นแบบพึ่งพาตนเอง
  • โปรแกรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (ศูนย์เรียนรู้เชิงปฏิบัติ) ขยายโมเดล 3 ไร่ ให้ครอบครัวเล็ก ๆ ทำได้จริง
  • ชุดมาตรการจูงใจการตลาดต่างประเทศ (มาตรฐานคุณภาพ การรับรอง การส่งเสริมแบรนด์) สำหรับกลุ่มที่ใช้เกษตรปราณีต

 

ตัวชี้วัดความสำเร็จที่แนะนำ (KPIs)

  • % ของผลผลิตที่มีสัญญาการตลาดล่วงหน้า
  • รายได้เฉลี่ยต่อไร่ต่อปี (แยกตามพืช: แตงโม/มะเขือ/กล้วย)
  • ปริมาณ/มูลค่าการส่งออกของกล้วยคาเวนดิสจากกลุ่มตัวอย่าง
  • % การใช้พลังงานจากทดแทน (เป้าหมาย 100%)
  • จำนวนครอบครัวที่นำโมเดล 3 ไร่ ไปปฏิบัติได้จริง
  • อัตราการคืนถิ่นของเยาวชนเพื่อทำเกษตร (เปรียบเทียบปีต่อปี)



สรุปปิดท้าย เรียนรู้จากไร่ไพวัลย์

ไร่ไพวัลย์ไม่ได้เป็นเพียงฟาร์มที่ให้ผลกำไร แต่นำเสนอ แพ็กเกจครบชุด — เทคนิคการผลิตคุณภาพสูง, ระบบพลังงานหมุนเวียน, โมเดลตลาดนำการผลิต และภารกิจสร้างคน—ซึ่งรวมกันเป็นต้นแบบที่ นโยบายรัฐ และ ภาคเอกชน ควรหยิบมาเร่งขยายผล การลงทุนเชิงนโยบายในองค์ประกอบที่ถูกต้อง (พันธุ์, ตลาด, พลังงาน, การฝึกอบรม) จะเปลี่ยนโมเดลนี้จากฟาร์มตัวอย่างให้เป็นกลไกที่ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้จริง

 “รอยยิ้มของเกษตรกร คือความสำเร็จของผม” — คุณไพวัลย์ แจ่มแจ้ง



ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย AM 1467 KHz
วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 – 19.00 น.

 

บทความโดย ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
โปรดิวเซอร์ รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" เราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

บทความที่ได้รับความนิยม