5 เรื่องจริงสุดทึ่งของ “กุ๊บลอนเมืองแพร่” ที่จะทำให้คุณมองหัตถศิลป์ไทยไม่เหมือนเดิม
ในทุกชุมชน
ทุกท้องถิ่น ล้วนมีมรดกทางภูมิปัญญาอันล้ำค่าซ่อนอยู่ แต่หลายครั้ง
มรดกเหล่านั้นกลับค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา ถูกความทันสมัยบดบัง
จนคนรุ่นหลังแทบไม่เคยรู้จักเรื่องราวของตัวเอง
แต่เรื่องราวที่เราจะเล่าต่อไปนี้ คือการเดินทางอันน่าทึ่งของ “กุ๊บลอน”
หัตถศิลป์แห่งเมืองแพร่ ที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจากความบังเอิญ โดย
“ป้าอ้อย” อดีตสาวเมืองกรุงที่หวนคืนบ้านเกิด
และได้ค้นพบสมบัติของชุมชนที่กำลังจะกลายเป็นเพียงตำนาน
การต่อสู้เพื่อฟื้นคืนมรดกชิ้นนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าประทับใจและจะทำให้คุณต้องทึ่ง
จุดเริ่มต้นจากความบังเอิญ เมื่ออดีตมัคคุเทศก์สาวเมืองกรุงต้องมารับบทผู้พลิกฟื้นมรดกชุมชน
ป้าอ้อย
หรือ กฤษฏนันต์ ทองวิภาวรรณ์ ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ นานถึง 29 ปี
เธอคือมัคคุเทศก์มืออาชีพที่คุ้นเคยกับการดูแลลูกค้าระดับ VIP
ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปจนถึงประธานาธิบดีจากต่างประเทศ
เธอหลงใหลในแสงสีและความสะดวกสบายของเมืองใหญ่
และไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดในจังหวัดแพร่อย่างถาวร
แต่ชีวิตก็มาถึงจุดเปลี่ยน
เมื่อคุณแม่ล้มป่วยลง
ขณะที่น้องชายซึ่งเป็นตำรวจต้องดูแลทั้งครอบครัวของตัวเองและคุณแม่ไปพร้อมกัน
ป้าอ้อยรู้สึกเหมือนกำลัง “เอาเปรียบน้องชาย”
ความรู้สึกผิดนี้เองที่ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางกลับบ้านนาแหลมเพื่อดูแลท่านอย่างเต็มตัว
การลุกขึ้นมาฟื้นฟู
“กุ๊บลอน” ไม่ได้อยู่ในแผนชีวิตของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเหมือนการ
“ตกกระไดพลอยโจน” ที่เกิดจากสายตาของคนที่มองมาจากข้างนอก
ป้าอ้อยมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่คนในชุมชนอาจมองข้ามไปแล้ว
และด้วยความรักในมรดกของบ้านเกิดที่กำลังจะสูญสลายไปต่อหน้าต่อตา
เธอจึงตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง นี่คือจุดที่น่าสนใจที่สุด
เพราะผู้ที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้
ไม่ใช่ช่างฝีมือที่คลุกคลีกับงานหัตถกรรมมาแต่กำเนิด
แต่เป็นอดีตสาวเมืองกรุงที่มองเห็นเพชรในตมที่คนในอาจไม่ทันสังเกต
หมู่บ้านที่เกือบลืมสัญลักษณ์ของตัวเอง เมื่อป้ายหมู่บ้าน “กุ๊บลอน” กลับมีรูป “งอบ”
หนึ่งในภาพฟ้องความจริงที่น่าใจหายและสะท้อนวิกฤตของภูมิปัญญาท้องถิ่นได้ชัดเจนที่สุด
คือป้ายทางเข้าหมู่บ้านนาแหลม ซึ่งเป็นแหล่งผลิต “กุ๊บลอน”
แห่งเดียวในประเทศไทย แต่บนป้ายนั้นกลับมีรูปของ “งอบ”
ซึ่งเป็นหมวกคนละชนิดและมาจากภูมิปัญญาของภาคอื่นปรากฏอยู่
ภาพที่เห็นนั้นเป็นเหมือน ทางวัฒนธรรมที่ตอกย้ำความจริงอันน่าเจ็บปวด
ว่าภูมิปัญญาการทำกุ๊บลอนนั้นใกล้จะสาบสูญและถูกหลงลืมไปมากเพียงใด
แม้กระทั่งในชุมชนที่เป็นต้นกำเนิดเองก็ยังสับสนในอัตลักษณ์ของตน
สำหรับป้าอ้อย ภาพนั้นไม่ใช่แค่ความผิดพลาด
แต่มันคือสัญญาณเตือนภัยที่ดังกระหึ่มอยู่ในใจ
ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำภารกิจนี้อย่างเร่งด่วน
ก่อนที่สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของบ้านเกิดจะหายไปตลอดกาล
กลยุทธ์ "ล่อซื้อ" เปลี่ยนหมวกชาวนาราคา 50 บาท สู่ของมีค่าหลักพัน
เมื่อตัดสินใจจะฟื้นฟู
ป้าอ้อยต้องเผชิญกับความท้าทายในการยกระดับคุณภาพ ในช่วงแรก
กุ๊บลอนถูกผลิตอย่างเรียบง่ายเพื่อใช้ทำไร่ทำนา และขายได้ในราคาเพียงใบละ
40-50 บาท
เมื่อเธอขอให้ช่างฝีมือซึ่งส่วนใหญ่เป็นคุณยายในชุมชนทำให้สวยขึ้น
ประณีตขึ้น ท่านกลับไม่เข้าใจว่าต้องทำอย่างไร ป้าอ้อยพบว่าคำชื่นชมลอยๆ
นั้นใช้ไม่ได้ผล
เธอจึงเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่ชาญฉลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
นั่นคือการ “ล่อซื้อ” แทนที่จะพูดว่า "ทำให้สวยหน่อย"
เธอเปลี่ยนไปใช้แรงจูงใจที่จับต้องได้
พอเราบอกว่า สวยสิ ยาย ยายไม่เก็ต...พอเราบอก เอาเด็กๆ ตัวนี้ให้อีก 20 บาท ยายเก็ต ยายเป็นนักธุรกิจ ยายเก็ต
วิธีการนี้ได้ผลอย่างน่าทึ่ง
คุณภาพของกุ๊บลอนค่อยๆ ถูกยกระดับขึ้น ไม่ใช่แค่การยกระดับคุณภาพ
แต่คือการชุบชีวิตให้คุณค่าที่เคยถูกลืม เธอได้สร้างมาตรฐานสินค้าขึ้นมา 3
ระดับ ได้แก่ ธรรมดา, ละเอียด และ ประณีต
ทำให้มูลค่าของกุ๊บลอนพุ่งทะยานขึ้น จากหมวกชาวนาราคาหลักสิบ
ปัจจุบันกุ๊บลอนงานประณีตสามารถจำหน่ายได้ในราคาตั้งแต่ 300 บาท ไปจนถึง
1,250 บาท สร้างรายได้ที่มั่นคงกลับคืนสู่ชุมชนอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่หมวก แต่คือเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อเรื่อง “ตาแหลว” ดวงตาสวรรค์
นอกเหนือจากคุณค่าทางหัตถศิลป์แล้ว
กุ๊บลอนยังซ่อนมิติทางความเชื่อและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งเอาไว้
ซึ่งน้อยคนนักจะเคยรู้ ที่ส่วนบนสุดของกุ๊บลอน
มีการสานลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เรียกว่า “ตาแหลว”
ซึ่งคนในชุมชนเปรียบเสมือน “ดวงตาสวรรค์” หรือ “ดวงตาเหยี่ยว”
ตามความเชื่อดั้งเดิม
การสวมกุ๊บลอนจึงไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันแสงแดดหรือสายฝน
แต่ยังมีความหมายเสมือนการได้สวมเครื่องรางของขลังศักดิ์สิทธิ์ติดตัว
เพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ให้แคล้วคลาดจากภยันตราย
เรื่องราวและความเชื่อนี้เองที่ได้เพิ่มคุณค่าทางใจและสร้างความขลังให้กับกุ๊บลอน
ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่หมวก
แต่เป็นตัวแทนของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และมีจิตวิญญาณ
จากแม่พิมพ์ที่กำลังจะถูกเผา สู่พลังขับเคลื่อน "บ่อสืบสาน จักสาบสูญ"
เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและทำให้ป้าอ้อยทุ่มเททั้งชีวิตให้กับการฟื้นฟูกุ๊บลอนอย่างจริงจัง เกิดขึ้นในวันที่เธอไปพบ “กุ้มกุ๊บ”
หรือแม่พิมพ์สำหรับสานกุ๊บลอนที่เก่าแก่ชิ้นหนึ่งโดยบังเอิญ
แม่พิมพ์นั้นถูกทิ้งจนดินฝังไปกว่าครึ่ง
และเจ้าของกำลังจะนำมันไปเผาเพื่อใช้เป็นเชื้อไฟ
ในวินาทีนั้น
ป้าอ้อยได้ขอซื้อแม่พิมพ์ชิ้นนั้นมาในราคา 80 บาท (แต่เธอให้ไป 100 บาท)
มันคือการช่วยชีวิตในนาทีสุดท้าย ไม่ใช่แค่การรักษาท่อนไม้เก่าๆ
แต่คือการปกป้อง "หัวใจ" ของงานหัตถศิลป์ไม่ให้มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คำพูดหนึ่งดังก้องอยู่ในหัวใจของเธอ
บ่อสืบสาน จักสาบสูญ
การได้เห็น
“กุ้มกุ๊บ” กำลังจะถูกทำลาย
เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ปลุกให้ป้าอ้อยตระหนักว่า
หากเธอไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างในวันนี้
มรดกอันล้ำค่าของบรรพบุรุษชิ้นนี้คงจะสูญสิ้นไปจริงๆ
และนั่นคือพลังขับเคลื่อนที่ทำให้เธอเดินหน้ามาจนถึงทุกวันนี้
มรดกที่มีชีวิต และความฝันที่ยิ่งใหญ่
การเดินทางของ
“กุ๊บลอนเมืองแพร่” คือบทพิสูจน์ว่ามรดกทางวัฒนธรรมที่ใกล้จะเลือนหาย
สามารถฟื้นคืนกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
จากจุดเริ่มต้นที่มีเพียงป้าอ้อยและช่างฝีมืออีกหนึ่งท่าน
(ยายหวินผู้ล่วงลับ)
ปัจจุบันได้เติบโตกลายเป็นวิสาหกิจชุมชนบ้านนาแหลมที่เข้มแข็ง มีสมาชิกร่วม
30 ชีวิต สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืน
และที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเองกลับคืนมา
แต่สำหรับป้าอ้อย
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เธอมองไกลกว่าการเป็นเพียงหัตถศิลป์ท้องถิ่น
ความฝันของเธอคือการยกระดับกุ๊บลอนให้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลก
เหมือนที่กิโมโนเป็นตัวแทนของญี่ปุ่น
"เราฝันอยากให้กุ๊บลอนไปอยู่ที่สนามกอล์ฟ เราฝันอยากให้กุ๊บลอนไปอยู่ที่ชายทะเล...
เราอยากให้กุ๊บลอนอยู่ในแกลเลอรี"
เรื่องราวของป้าอ้อยและกุ๊บลอนได้จุดประกายคำถามสำคัญให้เราได้ขบคิด...
ในบ้านเกิดของคุณ มีมรดกอันทรงค่าเรื่องใดที่กำลังรอคอยการกลับไปค้นพบ
และสืบสานอยู่บ้างไหมครับ?
ช่องทางการติดต่อ
• ที่ทำการ: ฮ่มไม้บ้านดิน, บ้านนาแหลม, จังหวัดแพร่
• เบอร์โทรศัพท์: 081-817-8755
• Facebook Page: กุ๊บลอน มะเก่า
• Facebook ส่วนตัว: กฤษฏนันต์ ทองวิภาวรรณ์
ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย AM 1467 KHz
วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 – 19.00 น.
กุ๊บลอนเมืองแพร่ ศิลปะ หัตถศิลป์ ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ตอน 1
กุ๊บลอนเมืองแพร่ ศิลปะ หัตถศิลป์ ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ตอน 2
เรียบเรียง/บทความโดย ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
โปรดิวเซอร์ รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย
เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน
เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน
- ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...
เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" เราคือใคร?
ป.ล.
หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ
ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ
กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน
และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ
ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้
ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ...
แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^