กุ๊บลอนเมืองแพร่ การฟื้นฟูหัตถศิลป์สู่เศรษฐกิจชุมชนพลังบวก
"กุ๊บลอน" ซึ่งเป็นหัตถศิลป์หมวกสานล้านนาดั้งเดิมของบ้านนาแหลม จังหวัดแพร่ ที่ใกล้จะสูญหาย ให้กลับมาเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน โครงการนี้ริเริ่มและนำโดย คุณกฤตนันท์ ทองวิภาวัน (ป้าอ้อย) อดีตมัคคุเทศก์ที่กลับสู่บ้านเกิดเพื่อดูแลมารดา และได้ค้นพบคุณค่าของมรดกภูมิปัญญานี้อีกครั้ง จากความตั้งใจแรกเพียงเพื่อการอนุรักษ์ ได้พัฒนาไปสู่การจัดตั้ง "วิสาหกิจชุมชนสืบสานมรดกภูมิปัญญากุ๊บลอนดินกี่บ้านนาแหลม" ที่เติบโตจากสมาชิกเพียง 2 คน เป็นกว่า 30 คนในปัจจุบัน
กลยุทธ์หลักที่ใช้คือการสร้างแรงจูงใจผ่านการ
"ล่อซื้อ" เพื่อยกระดับคุณภาพงานฝีมือให้มีความประณีตยิ่งขึ้น
ส่งผลให้มูลค่าผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากใบละ 40-50 บาท เป็น 300-1,250 บาท
โครงการได้ต่อยอดสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยที่หลากหลาย
และขยายผลเป็นโมเดลการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่เชื่อมโยงอัตลักษณ์ท้องถิ่นอื่น
ๆ เช่น อิฐมอญปั้นมือ อาหารพื้นบ้าน และวิถีชีวิตริมน้ำแม่แคม
การดำเนินงานนี้ไม่เพียงสร้างรายได้เสริมที่ยั่งยืนให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชน
แต่ยังสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
โดยมีวิสัยทัศน์ในการผลักดันให้ "กุ๊บลอน"
เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดแพร่
เฉกเช่นเดียวกับที่กิโมโนเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น
ภูมิหลังและจุดเริ่มต้น
โครงการฟื้นฟูกุ๊บลอนมีรากฐานมาจากเรื่องราวส่วนตัวของคุณกฤตนันท์ ทองวิภาวัน (ป้าอ้อย) ซึ่งเป็นชาวบ้านนาแหลมโดยกำเนิด แต่ได้ไปใช้ชีวิตและทำงานเป็นมัคคุเทศก์ในกรุงเทพมหานครเป็นเวลานานถึง 29 ปี จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ล้มป่วย ทำให้เธอต้องเดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดแพร่บ่อยครั้งขึ้นเพื่อดูแล
การกลับมาครั้งนี้ทำให้เธอได้ ค้นพบเสน่ห์และมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนที่ถูกละเลยไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "กุ๊บลอน" และ "อิฐมอญปั้นมือ" ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของบ้านนาแหลม ป้าอ้อยเล็งเห็นว่าในขณะที่การทำอิฐมอญยังคงมีผู้ผลิตอยู่ประมาณ 22 ครัวเรือน แต่องค์ความรู้ในการสานกุ๊บลอนกำลังเลือนหายไป คนรุ่นเก่าที่ยังทำอยู่ก็เหลือน้อยลงและหันไปสาน "งอบ" ซึ่งไม่ใช่อัตลักษณ์ดั้งเดิมของท้องถิ่นแทน ป้ายหมู่บ้านเองกลับมีรูปวาดเป็นงอบ สิ่งนี้ได้จุดประกายความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรักษามรดกชิ้นนี้ไว้
จุดเริ่มต้นที่จริงจังเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2560 เมื่อป้าอ้อยได้พบ "กุ้มกุ๊บ" (แม่พิมพ์สำหรับสานกุ๊บลอน) เก่าแก่ที่กำลังจะถูกนำไปเผาทำเชื้อไฟ เธอจึงขอซื้อเก็บไว้ พร้อมกับคำพูดที่วนเวียนในใจว่า "สืบสานจักสาบสูญ" ซึ่งกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญให้เธอเริ่มต้นรวบรวมแม่พิมพ์และฟื้นฟูการสานกุ๊บลอนอย่างจริงจัง แม้ในช่วงแรกจะไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนก็ตาม
หัวใจสำคัญ กุ๊บลอน หัตถศิลป์แห่งบ้านนาแหลม
"กุ๊บลอน" คือหมวกสานของชาวล้านนา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากหมวกชนิดอื่น เป็นมรดกภูมิปัญญาที่สะท้อนวิถีชีวิตและความเชื่อของคนในชุมชน
ลักษณะและองค์ประกอบ
• รูปทรง เอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดคือลักษณะ "ลอน" หรือร่องคลื่น 2 ร่องบนตัวหมวก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "กุ๊บลอน"
• วัสดุหลัก
◦ ไม้ไผ่บง ใช้ไม้ไย่วงที่มีอายุประมาณ 1 ปี ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป นำมาจักเป็นเส้นตอกสำหรับขึ้นโครงสร้าง
◦ ใบตาล (ใบลาน) ใช้สำหรับเย็บปิดทับโครงสร้างไม้ไผ่เพื่อกันแดดและฝน
• องค์ประกอบทางวัฒนธรรม
◦ ตาแหลว ก่อนที่จะขึ้นรูปหมวก จะต้องมีการสาน "ตาแหลว" ที่ส่วนยอดสุดก่อนเสมอ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเปรียบเสมือน "ดวงตาสวรรค์" หรือ "ดวงตาเหยี่ยว" เป็นเครื่องรางของขลังที่ช่วยปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ ทำให้การสวมกุ๊บลอนไม่ได้เป็นเพียงการกันแดดฝน แต่ยังเป็นความเชื่อและความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
กระบวนการผลิตอันประณีต
การผลิตกุ๊บลอนแต่ละใบต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนที่อาศัยภูมิปัญญาและทักษะความชำนาญสูง
1. การเตรียมไม้ไผ่ คัดเลือกไม้ไผ่บงอายุ 1 ปี นำไปตากแดดให้แห้ง แล้วจึงนำไปแช่น้ำประมาณ 2 วัน 2 คืน
2. การจักตอก นำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้มาจักเป็นเส้นตอกบางๆ และต้องมีการ "ลืบตอก" หรือขูดตอกให้เรียบ
3. การสานตาแหลว เริ่มต้นสานส่วนยอดของหมวกเป็นลายตาแหลว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นรูป
4. การขึ้นรูปบนแม่พิมพ์ (กุ้มกุ๊บ) นำเส้นตอกมาสานขึ้นรูปบนแม่พิมพ์ที่เรียกว่า "กุ้มกุ๊บ" ซึ่งเป็นมรดกตกทอดและเปรียบเสมือนสมุดบันทึกเรื่องราวของบรรพบุรุษ
5. การเย็บใบลาน เมื่อได้โครงหมวก (ห้างกุ๊บ) แล้ว จะนำใบลานที่ตัดเป็นเส้นมาเย็บปิดทับโครงสร้างทั้งหมด
6. การเข้าขอบและเก็บรายละเอียด ทำการเข้าขอบหมวกด้วย "ไม้ขอบ" ที่เหลาเตรียมไว้ และอาจมีการใส่ "โมง" เพื่อความสวยงามและคงทน
เส้นทางการฟื้นฟู จาก 2 สู่ 30
การเดินทางเพื่อฟื้นฟูกุ๊บลอนเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ทำให้โครงการสามารถเติบโตและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเป็นรูปธรรม
กลยุทธ์และแนวทางการพัฒนา
• การ "ล่อซื้อ" เพื่อยกระดับคุณภาพ ในช่วงแรกที่กุ๊บลอนมีราคาเพียงใบละ 40-50 บาทและคุณภาพยังไม่สม่ำเสมอ ป้าอ้อยใช้กลยุทธ์ "ล่อซื้อ" โดยให้ราคาสูงขึ้น 20 บาท สำหรับงานที่สวยและประณีตขึ้น เพื่อจูงใจให้ช่างฝีมือ (ยายหวิน) พัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง จนได้งานที่มีคุณภาพสูง
• การแบ่งระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ จากกลยุทธ์ข้างต้น ทำให้สามารถแบ่งระดับคุณภาพของกุ๊บลอนได้ 3 ระดับ คือ งานธรรมดา, งานละเอียด, และงานประณีต ซึ่งทำให้สามารถกำหนดราคาที่แตกต่างกันตามคุณภาพได้ตั้งแต่ 150 บาท ไปจนถึง 600 บาทสำหรับงานฝีมือชั้นสูง
• การก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน จากจุดเริ่มต้นที่มีเพียงป้าอ้อยและยายหวิน (ปราชญ์ชุมชนผู้ล่วงลับ) ได้เติบโตขึ้นจนสามารถจัดตั้งเป็น "วิสาหกิจชุมชนสืบสานมรดกภูมิปัญญากุ๊บลอนดินกี่บ้านนาแหลม" ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 30 คน มีการซื้อหุ้นและจ่ายเงินปันผล สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน
• การถ่ายทอดองค์ความรู้ แม้จะสูญเสียปราชญ์ชุมชนคนสำคัญอย่างยายหวินไป แต่ยังคงมีการสืบทอดภูมิปัญญาต่อไปยังลูกสาว (คุณอารี) และคนในชุมชน (ยายจิ๊บ) ปัจจุบันช่างฝีมือที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มคือ 56 ปี ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายในการส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่
การสนับสนุนจากภาคีเครือข่าย
ความสำเร็จของโครงการไม่ได้มาจากความพยายามของคนในชุมชนเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากบุคคลและองค์กรภายนอกที่มองเห็นคุณค่า อาทิ
• ดร. เขมิกา นักวิชาการที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนและให้ความรู้เชิงวิชาการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560
• อาจารย์บัญชา ชูดวง (อาจารย์ไก่) ดีไซเนอร์ที่ช่วยให้คำแนะนำด้านการออกแบบและมองเห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์ จนทำให้เกิดการพัฒนางานประณีตที่สามารถขายได้ในราคาสูงขึ้น (จาก 150 บาท เป็น 300 บาท)
• CBMC การเข้ารับการอบรมจาก CBMC ทำให้ป้าอ้อยได้แนวคิดและเครื่องมือในการทำงานอย่างเป็นระบบ มีความเชื่อมั่น และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
• หน่วยงานภาครัฐและ สสส. เริ่มมีหน่วยงานต่างๆ เช่น พัฒนาชุมชน, กศน., เกษตร และ สสส. เข้ามาเป็นพันธมิตร โดย สสส. ได้สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนากระบวนการย้อมสีธรรมชาติ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ผลิตและผู้บริโภค
จากงานหัตถศิลป์สู่ระบบเศรษฐกิจชุมชนที่ยั่งยืน
โครงการได้ขยายขอบเขตจากการผลิตหมวกเพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้างระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงทรัพยากรและกิจกรรมต่างๆ ในชุมชนเข้าด้วยกัน
การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการท่องเที่ยว
• ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ มีการออกแบบกุ๊บลอนในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองตลาดที่กว้างขึ้น เช่น หมวกแก๊ป, หมวกกะโล่, ปิ่นปักผม, กระเป๋า และหมวกนักรบ (รุ่นสมหวัง) ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่มีราคาสูงถึง 1,250 บาท
• โมเดลการท่องเที่ยว "ปั่น ปั้น สาน สาด สิน สล่า ชุมชน"
◦ ปั่น จัดกิจกรรมปั่นจักรยานเที่ยวชมวิถีชีวิตในชุมชน เลียบลำน้ำแม่แคม
◦ ปั้น เยี่ยมชมลานปั้นอิฐมอญซึ่งเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาของบ้านนาแหลม
◦ สาน จัดกิจกรรม Workshop ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองสานตาแหลวหรือเย็บกุ๊บลอน
◦ เชื่อมโยงกิจกรรมอื่น ผนวกกิจกรรมเข้ากับการเยี่ยมชมบ้านสล่า (ช่างแกะสลัก), บ้านตำราไก่ชน, วัดสำคัญในชุมชน และการรับประทานอาหารพื้นเมืองที่ร้าน "ห้อมไม้บ้านดิน" ของป้าอ้อย
• กิจกรรม DIY สร้างสรรค์กิจกรรมเสริม เช่น การทำ Eco-Print บนผ้าเพื่อนำไปทำกระเป๋าหรือตุง เป็นการสร้างรายได้เสริมและดึงพลังแฝงของคนในชุมชนออกมา
ผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืน
• เศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้เสริมที่มั่นคงให้แก่สมาชิกในชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
• สังคม เป็นพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้มาพบปะสังสรรค์ ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เกิดความสุขและความภาคภูมิใจในตนเอง
• ความยั่งยืน ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเปลี่ยนจากการใช้แลคเกอร์เคมีมาใช้ น้ำมันขี้ผึ้ง (Beeswax) ในการเคลือบใบลาน และใช้ สีจากวัสดุธรรมชาติ ในการย้อมเส้นตอก ซึ่งปลอดภัยทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค
วิสัยทัศน์ อุปสรรค และอนาคต
ป้าอ้อยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการผลักดันให้ "กุ๊บลอน" ไม่ได้เป็นเพียงสินค้าหัตถกรรม แต่เป็น แม่เหล็กทางวัฒนธรรม ที่จะดึงดูดผู้คนให้มาเยือนจังหวัดแพร่ ทำให้แพร่ไม่ใช่แค่ "เมืองผ่าน" อีกต่อไป โดยเปรียบเทียบกับความสำเร็จของกิโมโนในญี่ปุ่น หรือชุดอ๋าวหญ่ายในเวียดนาม
ประเด็นท้าทายที่สำคัญ
1. การสืบทอดสู่คนรุ่นใหม่ ช่างฝีมือส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ (อายุน้อยที่สุด 56 ปี) การหาคนรุ่นใหม่ที่สนใจและมีความอดทนในการทำงานฝีมือที่ต้องใช้เวลาและความประณีตยังคงเป็นโจทย์ใหญ่
2. การยอมรับและการสนับสนุน ในช่วงแรกเคยถูกคนในพื้นที่มองข้ามและไม่เห็นคุณค่า แม้ปัจจุบันจะเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ยังคงต้องการการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผลในวงกว้าง
3. การสร้างสมดุล การรักษาสมดุลระหว่างการอนุรักษ์คุณค่าดั้งเดิมกับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ช่องทางการติดต่อ
• ที่ทำการ: ห้อมไม้บ้านดิน, บ้านนาแหลม, จังหวัดแพร่
• เบอร์โทรศัพท์: 081-817-8755
• Facebook Page: กุ๊บลอน มะเก่า
• Facebook ส่วนตัว: กฤตนันท์ ทองวิภาวัน
ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย AM 1467 KHz
วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 – 19.00 น.
กุ๊บลอนเมืองแพร่ ศิลปะ หัตถศิลป์ ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ตอน 1
กุ๊บลอนเมืองแพร่ ศิลปะ หัตถศิลป์ ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ตอน 2
เรียบเรียง/บทความโดย ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
โปรดิวเซอร์ รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย
เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน
เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน
- ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...
เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" เราคือใคร?








