บทความนี้ผมได้สังเคราะห์ประเด็นสำคัญจากการเสวนาในหัวข้อ
"พลังธรรมาภิบาล จากชุมชนสู่อนาคตชาติ" รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน ช่วงเสวนาแลกเปลี่ยน โดยมี พลเอก ดร. กิตติศักดิ์
รัฐประเสริฐ เลขาธิการเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ เป็นวิทยากรหลัก
ประเด็นสำคัญชี้ให้เห็นว่า "ธรรมาภิบาล" ซึ่งมีรากฐานมาจาก "คุณธรรม"
ส่วนบุคคล
คือหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาระดับชาติ
โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชันที่เปรียบเสมือน "มะเร็งร้าย" ของสังคมไทย
การขับเคลื่อนต้องเริ่มต้นจากระดับบุคคล ชุมชน และขยายผลสู่ระดับชาติ
โดยยึดหลักธรรมาภิบาล 6 ประการ ได้แก่ คุณธรรม, นิติธรรม, ความโปร่งใส,
การมีส่วนร่วม, ความรับผิดชอบ และความคุ้มค่า ซึ่งสอดคล้องกับหลัก "คุณธรรม
4 ประการ" ของในหลวงรัชกาลที่ 9
การเสวนาได้วิเคราะห์ถึงวิกฤตการณ์คอร์รัปชันเชิงโครงสร้างของไทย
ซึ่งรวมถึงคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ที่อยู่ในระดับต่ำ,
ปัญหาความซ้ำซ้อนและขาดการบูรณาการของหน่วยงานปราบปรามทุจริต,
และความล้มเหลวในการผลักดัน "พระราชบัญญัติสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ"
ให้เป็นกฎหมาย อย่างไรก็ตาม
เครือข่ายภาคประชาสังคมยังคงเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายฉบับใหม่และริเริ่มโครงการ
"จังหวัดธรรมาภิบาล" โดยมีจังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดนำร่อง
เพื่อสร้างต้นแบบการเปลี่ยนแปลงจากฐานราก
ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติเน้นย้ำถึงการปลูกฝังคุณธรรมให้แก่เยาวชน
และการกลับไปสู่รากฐานทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าด้านประชาธิปไตยและระเบียบวินัยอยู่แล้ว
แทนที่จะยึดติดกับแนวคิดตะวันตกเพียงอย่างเดียว
1. แนวคิดหลักและรากฐานของธรรมาภิบาล
ธรรมาภิบาลถูกนำเสนอในฐานะหัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเป็นแนวคิดที่ใกล้ตัวและต้องเริ่มต้นจากระดับบุคคลก่อนขยายไปสู่สังคม พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ ได้เน้นย้ำถึงหลักการสำคัญ 2 ส่วนที่เชื่อมโยงกัน
1.1 หลักธรรมาภิบาล 6 ประการ
นี่คือกรอบการดำเนินงานที่ถูกนำมาปรับใช้ในองค์กรต่างๆ ซึ่งเป็นหลักการสากลที่เครือข่ายฯ ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ
1.2 คุณธรรม 4 ประการ รากฐานของธรรมาภิบาล
พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ ชี้ว่าแก่นแท้ของธรรมาภิบาลเริ่มต้นจาก "คุณธรรม" ของแต่ละบุคคล โดยอ้างอิงถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้เมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่เข้าใจง่ายและเป็นรูปธรรม
• สัจจะ: การยึดมั่นในความจริงและความถูกต้อง เริ่มต้นจากการบริหารตนเอง
• ทมะ: การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกฝนตนเองในการบริหารคน
• ขันติ: ความอดทน อดกลั้น เพื่อให้การบริหารงานประสบความสำเร็จ
• จาคะ: การเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ท่านเน้นย้ำว่า "ต้องเริ่มจากตัวเราเอง" การปลูกฝังคุณธรรมเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการสร้างสังคมธรรมาภิบาล
2. วิกฤตการณ์ทุจริตคอร์รัปชันและปัญหาเชิงโครงสร้าง
การเสวนาได้สะท้อนภาพปัญหาการทุจริตในประเทศไทยอย่างเข้มข้น โดยมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศ
• สถานการณ์คอร์รัปชัน : การทุจริตถูกเปรียบเทียบว่าเป็น "มะเร็งร้าย" ของสังคม มีการกล่าวถึงตัวเลขความเสียหายจากการคอร์รัปชันที่สูงถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี
• ดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) : คุณหมอ สมส่วน บูรณพงษ์ ได้กล่าวถึงคะแนน CPI ของไทยที่อยู่ในระดับต่ำ (34 คะแนน) และเพิ่งทราบจาก พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ ว่าเคยมีช่วงที่คะแนนสูงขึ้นถึง 3.8 (จาก 10) หรือ 38% ในปี 2548, 2557 และ 2558 เพียง 3 ครั้งเท่านั้น
• ความซ้ำซ้อนของหน่วยงานปราบปราม : มีการตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยมีหน่วยงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมากเกินไป แต่ขาดการบูรณาการ ทำให้การทำงานสับสนและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
• แรงจูงใจที่น่ากังขาขององค์กรภาคประชาสังคมบางแห่ง: พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ ตั้งข้อสังเกตว่าองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันบางแห่ง ถูกจัดตั้งขึ้นโดยภาคธุรกิจ ไม่ใช่เพื่อต่อต้านการทุจริตอย่างแท้จริง แต่เพื่อเป็น "เครื่องมือต่อรอง" กับภาครัฐที่เรียกรับผลประโยชน์สูงเกินกว่าที่เคยจ่าย (จาก 10-20% เป็น 50-70%)
3. ความพยายามในการจัดตั้งสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ
ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือความพยายามในการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อตรวจสอบและประเมินธรรมาภิบาลของหน่วยงานต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม
• ความล้มเหลวครั้งแรก : มีความพยายามผลักดันร่าง "พระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ" ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญคือการจัดตั้ง "สภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ"
◦ ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
◦ อย่างไรก็ตาม เมื่อส่งให้นายกรัฐมนตรี พิจารณา กลับถูกปฏิเสธไม่รับหลักการ
• ความพยายามครั้งใหม่ : หลังจากการผลักดันครั้งแรกไม่สำเร็จ เครือข่ายฯ ได้ดำเนินการยื่นร่างกฎหมายฉบับใหม่เข้าไปยังสภาฯอีกครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "พ.ร.บ. ว่าด้วยสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ" เพื่อให้มีความชัดเจนในเจตนารมณ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภาฯ
4. การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาคปฏิบัติและการศึกษา
นอกจากการผลักดันเชิงนโยบายแล้ว การเสวนายังได้นำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่และการปลูกฝังแนวคิดสู่คนรุ่นใหม่
4.1 โครงการ "จังหวัดธรรมาภิบาล"
เป็นยุทธศาสตร์การสร้างต้นแบบจากระดับพื้นที่ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีแผนการดำเนินงานดังนี้
• จังหวัดนำร่อง : จังหวัดสงขลา ถูกกำหนดให้เป็นจังหวัดแรกของประเทศไทยที่จะประกาศเป็น "จังหวัดธรรมาภิบาล" โดยสามารถรวบรวมตัวแทนได้ครบทั้ง 16 อำเภอแล้ว
• จังหวัดเป้าหมายถัดไป : จังหวัดนครสวรรค์ และ จังหวัดลพบุรี ถูกวางตัวให้เป็นจังหวัดลำดับต่อไปในการขับเคลื่อน
4.2 การปลูกฝังในระดับเยาวชนและสังคม
คุณชิดพล ปิ่นศิริ อาจารย์มหาวิทยาลัย ได้ขอคำแนะนำในการนำหลักธรรมาภิบาลไปปรับใช้สอนนิสิตนักศึกษา ซึ่ง พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ ได้ให้แนวทางไว้ดังนี้
• เริ่มต้นด้วยคุณธรรม : ต้องเริ่มสอนจาก คุณธรรม 4 ประการ ซึ่งเป็นรากฐานที่เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง
• ใช้สื่อสร้างการรับรู้ : นำเพลง "คุณธรรม 4 ประการ" มาเผยแพร่ในสถานศึกษาและชุมชนเพื่อสร้างการจดจำและซึมซับ
• เน้นการปฏิบัติ :
ชี้ให้เห็นว่าการยึดมั่นในคุณธรรมนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้จริง
โดยยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตนเองที่รับราชการจนได้เป็นพลเอกและประสบความสำเร็จในโครงการต่างๆ
เพราะยึดหลักการเหล่านี้
4.3 การกลับสู่รากฐานวัฒนธรรมไทย
พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ ได้วิจารณ์แนวคิด "บ้าฝรั่ง" ที่มองว่าหลักการดีๆ ต้องมาจากตะวันตกเท่านั้น โดยชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยมีรากฐานของประชาธิปไตยและระเบียบวินัยที่ดีงามอยู่แล้ว แต่กลับถูกมองข้าม
• ตัวอย่างระเบียบวินัย : การเข้าคิวบิณฑบาตของพระสงฆ์ หรือการนั่งตามลำดับพรรษา ถือเป็นต้นแบบของระเบียบวินัยที่ลึกซึ้ง
• ตัวอย่างประชาธิปไตย : พิธีทอดกฐิน ที่มีการเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมจะได้รับผ้ากฐิน และให้สงฆ์ทั้งปวงแสดงความเห็นชอบร่วมกัน ถือเป็นกระบวนการประชาธิปไตยแบบไทยที่มีมาแต่โบราณ
5. มุมมองจากภาคประชาสังคมและผู้ร่วมเสวนา
• คุณหมอ สมส่วน บูรณพงษ์ (นายกสมาคมจิตอาสาองค์กรภาคประชาสังคมลพบุรี): เน้นย้ำว่าแนวคิดของภาคประชาสังคมมักจะคล้ายคลึงกัน คือ "เริ่มต้นที่ตัวเราเอง" และเห็นด้วยกับการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลจากฐานราก ท่านยังได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลจังหวัดลพบุรี
• คุณสิริน ชีพชัยอิสสระ (อดีตกรรมการหอการค้า จ.สงขลา): ชี้ว่าภาคเอกชนมีการใช้หลัก ESG (Environment, Social, Governance) ซึ่งสอดคล้องกับธรรมาภิบาลอยู่แล้ว ท่านเน้นย้ำถึงความสำคัญของ "ความคุ้มค่า" ในการใช้งบประมาณภาครัฐ และมองว่าการใช้จ่ายอย่างไม่คุ้มค่าคือสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่สิ้นหวัง ท่านเสนอให้ใช้ Soft Power และการลงทุนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Up-skill, Re-skill) เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
• คุณทรงวุฒิ (รองเลขาธิการเครือข่ายฯ): เป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการทำงานภาคปฏิบัติของเครือข่ายฯ มาเกือบ 10 ปี โดยดูแลด้านเอกสาร เว็บไซต์ และการจัดกิจกรรมต่างๆ และเป็นผู้ที่ทำให้การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลดำเนินต่อไปได้หลังจากที่หลายคนถอดใจ
• รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" :
ถูกกล่าวถึงในฐานะสื่อกลางของภาคประชาสังคมที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า
แต่กำลังเผชิญกับปัญหาด้านงบประมาณ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของการทำงานภาคประชาสังคมในภาพรวม