พลังธรรมาภิบาล จากชุมชนสู่อนาคตชาติ | คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน EP.108

 

จากสมรภูมิสู่สังคม ถอดรหัสเส้นทางชีวิตและการขับเคลื่อน
“ธรรมาภิบาล” ของ พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ

 

จุดเริ่มต้นของภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่า

เรื่องราวของนายทหารผู้หนึ่งที่อุทิศชีวิตกว่า 30 ปีในสนามรบ รับใช้ชาติในสมรภูมิที่ร้อนระอุที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ตั้งแต่การต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ไปจนถึงภารกิจในต่างแดน ชีวิตของท่านคือบทพิสูจน์ของความมุ่งมั่นและความเสียสละ แต่แล้วบนเส้นทางที่ดูเหมือนจะมุ่งสู่จุดสูงสุดในสายอาชีพทหาร ท่านกลับได้พบกับภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่าในสนามรบของภาคประชาสังคม นั่นคือการต่อสู้กับ "การทุจริต" และอุทิศตนเพื่อสร้างหลัก "ธรรมาภิบาล" ให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย

บทความนี้ผมจะพาท่านไปสำรวจเส้นทางชีวิต ประสบการณ์ และบทเรียนที่หล่อหลอม ท่าน พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ จากนายทหารช่างผู้กรำศึก สู่การเป็นเลขาธิการเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ ผู้ขับเคลื่อนหลักการที่เชื่อว่าเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศ

 

1. เบ้าหลอมแห่งสมรภูมิ 30 ปีในชีวิตราชการทหาร

พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ เริ่มต้นชีวิตราชการจากการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ 18 ซึ่งเป็นรุ่นที่ต้องสำเร็จการศึกษาก่อนกำหนดในปี พ.ศ. 2512 เนื่องจากสถานการณ์สงครามในประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต ท่านถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่สู้รบที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความรุนแรงแทบจะในทันที

สมรภูมิต่างๆ ในช่วงต้นของชีวิตราชการได้กลายเป็นเบ้าหลอมสำคัญที่หล่อหลอมความทรหดอดทนและสภาวะผู้นำเชิงปฏิบัติของท่านให้แข็งแกร่งขึ้น

เชียงราย : เข้าต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ในพื้นที่ ดอยยาว ดอยผาหม่น

เวียดนาม : ปฏิบัติภารกิจในนามกองกำลังทหารไทยในสงครามเวียดนาม

นครศรีธรรมราช : เป็นผู้รับผิดชอบโครงการสร้าง "หมู่บ้านสวนเรา" ซึ่งเป็นหมู่บ้านสำหรับชาวบ้านกลุ่มแรกของไทยที่ลุกขึ้นจับปืนต่อสู้กับ ผกค.

ปัตตานี และ เบตง : ในฐานะทหารช่าง ท่านได้นำหน่วยเข้าสร้างถนนในพื้นที่อันตราย และเผชิญหน้ากับขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.)

ตลอดช่วงเวลานี้ ท่านยึดมั่นในหลักการทำงานที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง คือ ความขยันหมั่นเพียรและความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เส้นสายหรือการวิ่งเต้นใดๆ ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ทำให้ท่านเติบโตในหน้าที่การงานได้อย่างต่อเนื่อง หลักการทำงานของท่านสะท้อนถึงแก่นแท้ของ "หลักคุณธรรม" และ "หลักความคุ้มค่า" อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ในเวลานั้นท่านจะยังไม่รู้จักคำว่า "ธรรมาภิบาล" ก็ตาม แต่เส้นทางแห่งเกียรติยศที่สร้างขึ้นจากผลงาน กำลังจะนำท่านไปสู่ทางแพร่งที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่น และบังคับให้ท่านต้องตั้งคำถามกับจิตวิญญาณของระบบที่ท่านได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อรับใช้

 

2. ณ ทางแพร่ง เมื่อความอยุติธรรมนำไปสู่เส้นทางใหม่

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อท่านรู้สึกว่าการเติบโตในสายอาชีพเริ่มหยุดชะงัก ไม่เป็นไปตามผลงานและความสามารถที่ควรจะเป็น ประกอบกับสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในช่วง "พฤษภาทมิฬ" ทำให้ท่านตัดสินใจลาออกจากราชการเป็นครั้งแรก แม้ต่อมาจะกลับเข้ารับราชการอีกครั้งในตำแหน่งพลตรี และได้ริเริ่มโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากมาย เช่น โครงการที่เปิดโอกาสให้ทหารเกณฑ์ได้เรียนหนังสือจนจบชั้น ม.6 พร้อมกับการฝึกอาชีพ ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของท่าน

เหตุการณ์สำคัญที่ผลักดันให้ท่านเข้าสู่เส้นทางการเมืองคือการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2538 แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อท่านประสบอุบัติเหตุ "ตกหลังคา" ขณะเข้าไปช่วยดับเพลิงก่อนวันเลือกตั้งเพียง 3 วัน แม้จะไม่สามารถหาเสียงได้ แต่ท่านยังคงได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนกว่า 20,000 คะแนนโดยไม่ต้องซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว เหตุการณ์นี้สร้างความรู้สึก "เป็นหนี้บุญคุณประชาชน" ที่ฝังลึกในใจท่านมาจนถึงทุกวันนี้

ทว่า การตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์กับผู้มีอำนาจในขณะนั้น ได้นำมาซึ่งความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างเป็นระบบ ซึ่งท่านต้องเผชิญกับความอยุติธรรมที่มาจากระบบที่ท่านเคยรับใช้มาทั้งชีวิต

ถูกระงับการเลื่อนยศเป็นพลโทอย่างไม่เป็นธรรม และถูกย้ายไปประจำการโดยไม่มีหน้าที่รับผิดชอบที่ชัดเจน

ถูกตัดสิทธิ์การศึกษา โดยชื่อของท่านถูกถอดออกจากการเข้าศึกษาในวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ในนาทีสุดท้าย และมีคนอื่นเข้ามาแทนที่

พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ สรุปประสบการณ์อันขมขื่นนี้ด้วยคำสั้นๆ ว่า นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการ "ไม่มีธรรมาภิบาล" ที่ท่านประสบมาด้วยตนเอง และประสบการณ์ความอยุติธรรมส่วนตัวนี้เองที่ได้กลายเป็นแรงผลักดันมหาศาลให้ท่านเริ่มต้นแสวงหาคำตอบและเครื่องมือที่จะมาแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ

 

3. การค้นพบ "ธรรมาภิบาล" จากงานวิจัยสู่ภารกิจตลอดชีวิต

หลังจากลาออกจากราชการก่อนเกษียณ 7 ปี ท่านได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก และได้ทำวิจัยในหัวข้อ "การทุจริตในวงราชการ" ผลการวิจัยที่ได้จากการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญของประเทศได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ทางออกของปัญหานี้คือ "จะต้องมีองค์กรธรรมาภิบาล"

ท่านยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ในตอนแรกนั้น ท่านเองก็ไม่เคยรู้จักความหมายของคำว่า "ธรรมาภิบาล" มาก่อนเลย จึงต้องเริ่มต้นศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง จนได้พบที่มาของคำศัพท์ที่ทรงพลังนี้ในบริบทของประเทศไทย

1. มีรากศัพท์มาจากคำว่า "Good Governance" ของธนาคารโลก (World Bank)

2. ประเทศไทยเริ่มนำแนวคิดนี้มาปรับใช้อย่างจริงจังหลังเกิด วิกฤตเศรษฐกิจ "ต้มยำกุ้ง" ในปี 2540

3. มีการบัญญัติศัพท์คำว่า "ธรรมาภิบาล" อย่างเป็นทางการโดยคณะสัมมนาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในปี 2541 โดยเป็นการรวมคำว่า "ธรรมะ + อภิ + บาล" ซึ่งหมายถึง การดูแลรักษาไว้ซึ่งคุณความดีอันยิ่งใหญ่

การค้นพบครั้งนี้ได้เปิดประตูให้ท่านเข้าสู่โลกของ "ธรรมาภิบาล" และนำไปสู่การตีความเพื่อทำความเข้าใจในแก่นแท้ของหลักการดังกล่าว อันเป็นภารกิจสำคัญตลอดชีวิตของท่านในเวลาต่อมา

 

4. ถอดรหัสหลัก 6 ประการ ธรรมาภิบาลในภาคปฏิบัติ

พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ และภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ ได้นำหลักธรรมาภิบาล 6 ประการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2542 มาปรับปรุงลำดับความสำคัญใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยที่ท่านมองว่ามีปัญหาในกระบวนการยุติธรรม


นอกจากนี้ ท่านยังได้สังเคราะห์แนวคิด "ธรรมาภิบาล" ให้เชื่อมโยงกับหลักปรัชญาและคำสอนที่คนไทยคุ้นเคย เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและนำไปปฏิบัติจริง

สูตรสำเร็จ 2-3-4 (หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง): เน้นย้ำแนวคิด "คุณธรรมนำความรู้" (2 เงื่อนไข) และการประยุกต์ใช้ 3 ห่วง (พอประมาณ, มีเหตุผล, มีภูมิคุ้มกัน) ในการแก้ปัญหาทุกมิติของชีวิต

สูตรสำเร็จ 4-5-6 (หลักธรรมาภิบาล): คือการนำ คุณธรรม 4 ประการ ของในหลวงรัชกาลที่ 9, ศีล 5 และ หลักธรรมาภิบาล 6 ประการ มาเป็นกรอบในการดำเนินชีวิตและการทำงาน

หลักการเหล่านี้ไม่ใช่เพียงทฤษฎีบนหน้ากระดาษ แต่คือสิ่งที่ท่านได้ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอดชีวิตราชการ ดังที่จะได้เห็นจากตัวอย่างรูปธรรมต่อไปนี้

 

5. บทพิสูจน์เชิงประจักษ์ เมื่อ "ธรรมาภิบาล" อยู่ในสายเลือด

พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านได้ใช้หลักธรรมาภิบาลในการทำงานมาโดยตลอด แม้ในขณะนั้นจะยังไม่รู้จักคำศัพท์นี้อย่างเป็นทางการก็ตาม ผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงของท่าน

กรณีที่ 1: การปฏิเสธผลประโยชน์ส่วนตน

ในสมัยที่ท่านเป็นผู้บังคับหน่วยทหารช่าง มีบริษัทเหมืองแร่มาติดต่อขอเช่าเครื่องจักรกลหนักของหน่วย โดยเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ท่านเป็นเงินส่วนตัว แต่ท่านปฏิเสธอย่างหนักแน่น และได้ชี้แจงกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า "เครื่องมือเครื่องจักรเหล่านี้เป็นของราชการ ซึ่งมาจากภาษีของประชาชน เรามีหน้าที่ต้องรักษาไว้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน"

กรณีที่ 2: ความโปร่งใสในการบริหารจัดการ

ในการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นธรรมเนียมที่นักธุรกิจจะมอบเงิน "ค่าคอมมิชชั่น" ให้กับหน่วยงาน ท่านไม่ได้เก็บไว้เอง แต่นำเงินทั้งหมดเข้าเป็น "กองกลาง" ของหน่วย และจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการอย่างโปร่งใส เพื่อใช้ดูแลสวัสดิการของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนอย่างทั่วถึงและสามารถตรวจสอบได้

เรื่องเล่าทั้งสองกรณีคือบทพิสูจน์เชิงประจักษ์ของการยึดมั่นใน หลักคุณธรรม และ หลักความรับผิดชอบ ต่อทรัพย์สินของส่วนรวม ควบคู่ไปกับการใช้ หลักความโปร่งใส และ หลักการมีส่วนร่วม ในการบริหารจัดการ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้หล่อหลอมวิสัยทัศน์ที่ท่านมีต่ออนาคตของประเทศไทย

 


บทสรุป: อนาคตประเทศไทยที่สร้างได้ด้วยธรรมาภิบาล

พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า การจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นได้นั้น ต้องเริ่มต้นจาก "ตัวเราเอง" และขยายผลไปสู่ "ชุมชน" ซึ่งก็คือหลักการ "ระเบิดจากข้างใน" ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้นั่นเอง

ท่านมองเห็นภาพอนาคตของประเทศไทยที่สดใส หากคนไทยและสังคมไทยยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง ซึ่งจะนำไปสู่:

สังคมที่น่าอยู่และไว้วางใจกัน

การเมืองที่โปร่งใสและเป็นธรรม

เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

การศึกษาที่สร้างคนดีและคนเก่งควบคู่กัน

เรื่องราวทั้งหมดนี้ตอกย้ำคำกล่าวของท่านพุทธทาสภิกขุที่ว่า "ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ" และ พลเอก ดร. กิตติศักดิ์ เชื่อมั่นว่า "ธรรมาภิบาล" คือพิมพ์เขียวเชิงปฏิบัติ ที่จะแปรเปลี่ยนศีลธรรมจากนามธรรมให้กลายเป็นรากฐานที่มั่นคงของชาติอีกครั้ง เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศชาติต่อไป

ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย AM 1467 KHz
วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 – 19.00 น.


เรียบเรียง/บทความโดย ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
โปรดิวเซอร์ รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน

  • ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
  • สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...

เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน

เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" เราคือใคร?

ป.ล. หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ... แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^

บทความที่ได้รับความนิยม