ในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจชุมชน ผมได้เห็นเรื่องราวความสำเร็จมามากมาย แต่เรื่องราวของ "กล้วยตากโชคชัย" จากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า "บ้านโชคชัย" ในจังหวัดเชียงรายนั้น มีแง่มุมที่น่าสนใจและเป็นบทเรียนล้ำค่าสำหรับนักประกอบการรุ่นใหม่ที่อยากสร้างธุรกิจจากสิ่งที่มีในท้องถิ่นของตนเอง วันนี้ผมจะพาทุกท่านย้อนกลับไปดูเบื้องหลังความสำเร็จที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของพวกเขากันครับ
จุดเริ่มต้น ประกายไฟจากปัญหาในชุมชน
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในวันธรรมดาวันหนึ่ง เมื่อคุณศิริกัลยา อุปนันท์ หรือพี่ศิ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ ได้พบกับคุณยาย (หรือที่คนเหนือเรียกว่า "แม่อุ๊ย") ท่านหนึ่งกำลังปั่นจักรยานกลับจากตลาด ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ในตะกร้าหลังรถจักรยานของท่านยังมีกล้วยน้ำว้าสุกอยู่เต็มตะกร้า ราว 5-6 หวี เหมือนตอนขาไปไม่มีผิด
บทเรียน "ลองผิดลองถูก" เมื่อเรื่องกล้วยๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
ในช่วงแรก หลายคนในชุมชนรวมถึงพี่ศิเองก็มองว่าการทำกล้วยตากเป็น "เรื่องกล้วยๆ" ที่ใครๆ ก็ทำได้ เพราะเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมที่เห็นกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย แต่เมื่อความคิดที่จะทำกินกันเองในครัวเรือน ถูกยกระดับขึ้นเป็นการทำธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ความท้าทายที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้นมาทันที
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ผมขอสรุปบทเรียนจากการลงมือทำจริงผ่านตารางเปรียบเทียบนี้ครับ

เมื่อเจอปัญหา พวกเขาก็ไม่ได้ยอมแพ้ พี่ศิแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของนักประกอบการ ด้วยการลงมือแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เธอเรียนรู้วิธีการจาก YouTube และอินเทอร์เน็ต ลงมือออกแบบ "ตู้ตาก" ด้วยตนเอง แล้วจ้างช่างฝีมือ (สล่า) ในหมู่บ้านมาสร้างขึ้น แม้ตู้ตากจะช่วยให้กระบวนการผลิตสะอาดขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดสำคัญคือ ต้นทุนที่สูงเกือบ 10,000 บาท แต่กลับผลิตได้ในปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อการทำเป็นธุรกิจจริงจัง
นี่คือบทเรียนคลาสสิกของการขยายกิจการ (Scaling) ที่ธุรกิจชุมชนจำนวนมากต้องเผชิญ สิ่งที่ใช้ได้ผลในระดับครัวเรือน อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญเมื่อเข้าสู่ตลาดการค้าจริง และทำให้พวกเขาตระหนักว่า การพึ่งพาเพียงความรู้และกำลังของตนเองนั้นอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
กุญแจสู่ความสำเร็จ การค้นพบ "เครื่องมือ" ที่ใช่
จุดนี้คือหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุด ที่แยกธุรกิจที่ "อยู่รอด" ออกจากธุรกิจที่ "เติบโต" นั่นคือการเปลี่ยนกรอบความคิดจากการพึ่งพาตนเอง (Self-Reliance) ไปสู่การสร้างเครือข่ายและการแสวงหาความรู้ (Network & Knowledge Seeking) หลังจากล้มลุกคลุกคลานและทำธุรกิจแบบ "มวยวัด" ที่ไม่มีแบบแผนมาสักพัก พี่ศิก็ได้ค้นพบ "เครื่องมือ" สำคัญ 3 อย่างที่เข้ามาพลิกโฉมธุรกิจกล้วยตากโชคชัยไปตลอดกาล
หัวใจของ "โชคชัย" วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่กว่ากำไร
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงไม่ใช้ชื่อส่วนตัว แต่กลับเลือกใช้ชื่อ "กล้วยตากโชคชัย" คำตอบนั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เพราะ "โชคชัย" คือชื่อของหมู่บ้าน การใช้ชื่อนี้จึงเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและทำให้ทุกคนในชุมชนรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน
แต่สิ่งที่ขับเคลื่อนให้พี่ศิและสมาชิกสู้ไม่ถอย คือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขกำไร ซึ่งเป็นหัวใจที่แท้จริงของธุรกิจนี้ และมีรากฐานมาจากความรู้สึกส่วนตัวที่ลึกซึ้ง "เพราะตัวพี่ก็มีลูกสาว พี่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวพี่อ่ะ ต้องออกจากบ้านแล้วไปทำงานที่อื่น" ความปรารถนานี้ได้ขยายผลกลายเป็นวิสัยทัศน์เพื่อส่วนรวม
"เราอยากสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนในชุมชน เพื่อให้คนรุ่นหลังไม่ต้องออกจากบ้านไปทำงานที่อื่น เราไม่อยากให้ผู้สูงอายุต้องอยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง... นี่คือความสุขที่เราอยากสร้างให้เกิดขึ้นในชุมชน"
วิสัยทัศน์นี้เองที่กลายเป็นพลังให้พวกเขาก้าวข้ามอุปสรรค และเป็นที่มาของความใส่ใจในทุกขั้นตอน จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจุดเด่นชัดเจน คือ การคัดสรรวัตถุดิบเฉพาะกล้วยพันธุ์มะลิอ่อง, รสชาติที่หวานหอมจากธรรมชาติ 100% ไม่ปรุงแต่ง และกระบวนการผลิตที่เป็นสูตรเฉพาะของชุมชน
ถึงนักประกอบการรุ่นใหม่
เรื่องราวของกล้วยตากโชคชัยไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าของผลิตภัณฑ์ชุมชน แต่เป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่าสำหรับเยาวชนและผู้ที่ใฝ่ฝันอยากจะสร้างธุรกิจของตัวเอง ผมขอสรุปข้อคิดสำคัญที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ดังนี้ครับ
• แผนงานต้องชัด เป้าหมายต้องชัด การทำธุรกิจโดยไม่มีแผนก็เหมือนการเดินทางโดยไม่มีแผนที่ โอกาสที่จะไปถึงจุดหมายนั้นมีน้อยมาก การวางแผนที่ดีคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
• "การลงมือทำ" สำคัญที่สุด แผนจะดีแค่ไหนก็ไม่มีความหมายหากไม่ลงมือปฏิบัติจริง การลองผิดลองถูกไม่ใช่ความล้มเหลว แต่มันคือการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงที่มีค่าที่สุด
• อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ เราไม่จำเป็นต้องรู้หรือทำเป็นทุกอย่างด้วยตัวเอง การเดินเข้าไปหาหน่วยงาน เครือข่าย หรือผู้ที่มีความรู้ คือทางลัดที่จะช่วยให้เราเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น
• ค้นหาเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเงิน กำไรเป็นสิ่งสำคัญ แต่การมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้คน ชุมชน หรือสร้างคุณค่าบางอย่าง จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งที่สุดให้เราก้าวข้ามอุปสรรคได้ในวันที่ท้อแท้
ผมขอยกคำพูดของพี่ศิ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่กำลังเดินทางบนเส้นทางสายนี้
"ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล... ถ้าจะสำเร็จได้ เราต้องลงมือทำ แผนงานชัด เป้าหมายชัดเจน โอกาสไปถึงยังความสำเร็จมีได้ 100%"
เรามาช่วยกันสรุปถอดบทเรียน กล้วยตากโชคชัย กันครับ
‘กล้วยตากโชคชัย’ 4 ข้อคิดจากธุรกิจชุมชนที่สอนว่า ‘เรื่องกล้วยๆ ไม่มีอยู่จริง’
ในภาษาไทย เรามักใช้สำนวน “เรื่องกล้วยๆ” เพื่อหมายถึงสิ่งที่ทำได้ง่ายดาย ไม่ซับซ้อน แต่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ที่ดูเรียบง่ายอย่าง “กล้วยตาก” กลับมีเรื่องราวการต่อสู้ การเรียนรู้ และความมุ่งมั่นที่ “ไม่กล้วย” ซ่อนอยู่ นี่คือเรื่องราวของกิจการชุมชนแห่งหนึ่ง ที่เปลี่ยนความขมของปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ ให้กลายเป็นความหวานหนึบของโอกาสที่ยั่งยืน ผมจะพาไปถอดบทเรียนล้ำค่าจาก “กล้วยตากโชคชัย” กิจการวิสาหกิจชุมชนเล็กๆ ในหมู่บ้านโชคชัย จังหวัดเชียงราย ที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าจะมาเป็นกล้วยตากคุณภาพหนึ่งชิ้นนั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
ข้อคิดที่ 1 จากกล้วยราคา 3 บาท สู่ธุรกิจชุมชน จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากโอกาส แต่มาจาก ‘ปัญหา’
จุดกำเนิดของกล้วยตากโชคชัยไม่ได้เริ่มต้นจากแผนธุรกิจที่สวยหรู แต่เกิดจากภาพเหตุการณ์เล็กๆ ที่พี่ศิ ประธานกลุ่มฯ ได้เห็นคุณยาย (แม่อุ๊ย) ท่านหนึ่งในหมู่บ้าน ปั่นจักรยานโดยมีกล้วยสุกอยู่ 5-6 หวีในตะกร้าหลังรถ มุ่งหน้าไปขายที่ตลาด
เย็นวันนั้นเอง ภาพที่สองก็ปรากฏขึ้น คุณยายคนเดิมปั่นจักรยานกลับมาทางเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างคือความพ่ายแพ้บนใบหน้า และที่เหมือนเดิมคือกล้วยทั้งตะกร้าที่ยังอยู่ครบ ไม่มีใครรับซื้อ แม้จะขายในราคาถูกแสนถูกเพียงหวีละประมาณ 3 บาท
ภาพนั้นจุดประกายให้พี่ศิเห็นถึง “ปัญหา” ที่แท้จริงของชุมชน นั่นคือผลผลิตกล้วยน้ำว้าที่ล้นตลาดจนราคาตกต่ำ เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนความสงสารให้เป็นการลงมือทำ โดยขอซื้อกล้วยเพียง 6 หวีในตะกร้านั้นมาเป็นจุดเริ่มต้นของการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า นี่คือบทเรียนข้อแรกที่สำคัญที่สุด ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืนหลายแห่งไม่ได้เริ่มต้นจากการมองหาโอกาส แต่เริ่มต้นจากการมองเห็นปัญหาเล็กๆ รอบตัวด้วยความเข้าอกเข้าใจ แล้วลุกขึ้นมาแก้ไขมันอย่างจริงจัง
ข้อคิดที่ 2 ไม่ใช่กล้วยทุกลูกจะตากได้ บทเรียนราคาแพงของการ ‘ลองผิดลองถูก’
ความคิดแรกที่ว่าการทำกล้วยตากเป็นเรื่องง่ายนั้น มาจากภาพจำในวัยเด็กที่เห็นผู้เฒ่าผู้แก่ทำกินกันในครัวเรือน แค่ “แกะเปลือก ตากกระโด้ง ประมาณ 3 แดด เก็บมา...ทานได้” แต่ความคิดนั้นก็พังทลายลงทันทีที่เริ่มทำในเชิงธุรกิจ เพราะการแปรรูปในปริมาณมากมีอุปสรรคที่คาดไม่ถึงซ่อนอยู่
ข้อคิดที่ 3 หยุดทำธุรกิจแบบ ‘มวยวัด’ เมื่อ ‘แผนงาน’ สำคัญกว่า ‘เงินทุน’
ข้อคิดที่ 4 ไม่ได้ขายแค่กล้วย แต่กำลังสร้าง ‘บ้าน’ ปณิธานที่ลึกซึ้งกว่ากำไร
ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย AM 1467 KHz
วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 – 19.00 น.
กล้วยตากโชคชัย สายใยเศรษฐกิจชุมชนพลังบวก ตอน 1
กล้วยตากโชคชัย สายใยเศรษฐกิจชุมชนพลังบวก ตอน 2
หมายเหตุ : เนื้อหาหลักของบทความนี้สังเคราะห์และวิเคราะห์จากการพูดคุยของ คุณศิริกัลยา อุปนันท์ (พี่ศิ) ในหัวข้อ “กล้วยตากโชคชัย สายใยเศรษฐกิจชุมชนพลังบวก” จากรายการ “คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน” EP.49 หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ.
เรียบเรียง/บทความโดย ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
โปรดิวเซอร์ รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย
เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน
เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน
- ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...
เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" เราคือใคร?





