หลายคนเมื่อได้ยินคำว่าเงินเฟ้อคงเกิดอาการงงๆ ว่าที่จริงแล้ว เงินเฟ้อมันคืออะไรกันแน่นะทำไมเราถึงได้ยินบ่อยจัง แล้วมันมีผลกระทบต่อประเทศและตัวเราอย่างไรละ แต่ในความเป็นจริงแล้วเงินเฟ้อเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเราทุกๆคนซึ่งจะส่งผลถึงการใช้จ่ายและการดำเนินชีวิตประจำวันของเราๆนี่ละ งั้นเรามาลองทำความรู้จักกับภาวะเงินเฟ้อกันดีกว่าครับ…
เงินเฟ้อ มีศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “Inflation” เป็นภาวะทางเศรษฐกิจที่ระดับราคาและบริการโดยทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ
หรือเป็นภาวะที่ค่าเงินลดลงไปเรื่อยๆหรือภาวะที่ระดับราคาสินค้าสูงขึ้นเรื่อยๆ (Rising Prices) พุดง่ายๆก็คือเงินที่เรามีมันด่อยค่าลงไปเรื่อยๆ ค่าของเงินลดลง
ปริมาณเงินอยู่ในมือประชาชนมากเกินไป เป็นเหตุให้เงินจำนวนเดียวกันนี้
ไม่สามารถจะซื้อสินค้าและบริการจำนวนเดียวกันได้ เมื่อเวลาล่วงเลยไป ยกตัวอย่างกันง่ายๆกันเลยดีกว่า
เช่น ราคาน้ำมันในอดีตเคยอยู่ที่ 20 บาทต่อลิตร แล้วเราเคยเติมน้ำมัน 10 ลิตร จะใช้เงิน
200 บาท แต่ปัจจุบัน ราคาน้ำมันได้กลายเป็น 40 บาทต่อลิตร หากเราใช้เงินเท่าเดิมคือ
200 บาท เราจะเติมน้ำมันได้เพียง 5 ลิตร ไม่ใช่ 10 ลิตรแบบที่เคยเติมได้ นั้นก็หมายความว่า
การเกิดภาวะเงินเฟ้อ จะทำให้เงินจำนวนเงินเท่าเดิมที่เราถืออยู่มีค่าลดลง หรือด่อยค่าลงนั้นเอง ทั้งนี้การที่สินค้ามีระดับราคาสูง (High Prices) จะยังไม่ถือว่าเป็นเงินเฟ้อ ซึ่งราคาสินค้าและบริการจำเป็นต้องสูงขึ้นเรื่อยๆ
จึงจะเป็นเงินเฟ้อได้
เงินเฟ้อเกิดเมื่อราคาของสินค้าต่าง
ๆ มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่จริง ๆ แล้วการเกิดภาวะเงินเฟ้อนี้ไม่จำเป็นที่ว่า
สินค้าทุกตัวต้องมีราคาสูงขึ้นเหมือนกันหมด
อาจเป็นได้ที่สินค้าบางชนิดมีราคาสูงขึ้น แต่อีกบางชนิดมีราคาลดลง แต่สิ่งที่สำคัญ
นั่นคือ ราคามวลรวมทั้งหมดโดยค่าเฉลี่ยแล้วสูงขึ้น และสิ่งที่เรานำมาวัดความเปลี่ยนแปลงของระดับราคา
คือ ดัชนีราคา (Price Index) ซึ่งเป็นดัชนีนี้จัดทำโดย
กระทรวงพาณิชย์ โดยคำนวณจากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคาสินค้าและบริการต่างๆ
ที่ผู้บริโภคซื้อหาได้ รวมถึงดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งนำเอาราคาสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตในประเทศมาคำนวณ
ซึ่งในประเทศไทยสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่รับผิดชอบในการคำนวณและประกาศตัวเลขเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการ
ผลดีของอัตราเงินเฟ้อ
โดยหลักการภาวะเงินเฟ้อช่วยสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนใช้จ่ายและลงทุนเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อทำให้เงินที่เก็บไว้มีมูลค่าน้อยลงเรื่อยๆ
การเพิ่มการใช้จ่ายและลงทุน เช่น หุ้น ทองคำ และฯลฯ ถือเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและเกิดการหมุนเวียนของเงินได้มากขึ้น
เงินเฟ้ออาจเกิดได้จากอุปสงค์มวลรวมเพิ่มขึ้น
แรงดึงทางด้านอุปสงค์
เกิดขึ้นจากระบบเศรษฐกิจมีความต้องการปริมาณสินค้าและบริการมากกว่าที่มีอยู่ในขณะนั้นๆจึงดึงให้ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าและบริการอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น
การเปลี่ยนแปลงของปริมาณเงิน การดำเนินนโยบายการคลังของภาครัฐบาล
การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในต่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน
และอีกสาเหตุคือ เกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
เนื่องจากระดับราคาวัตถุดิบที่นำมาใช้เป็นปัจจัยการผลิตมีราคาสูงขึ้น
หรืออัตราค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
เป็นเหตุให้ราคาสินค้าสูงตามไปด้วย อาทิ การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงาน
การเกิดวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติ การเพิ่มกำไรของผู้ประกอบการ
การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้านำเข้า ซึ่งอาจเพิ่มไปตามภาวะ ตลาดโลก
หรือผลของอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ต้องเป็นนโยบายการเงิน
เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสม หน่วยงานสำคัญที่กำหนดนโยบายการเงิน คือ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
นโยบายการเงินที่สำคัญ คือ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย การกำหนดเงินสดสำรองกฎหมายของธนาคารพาณิชย์ การกำหนดอัตราซื้อลดการซื้อขายพันธนบัตรรัฐบาล
และการแก้ปัญหาต้องรวมถึง นโยบายการคลัง (fiscal policy) หมายถึงนโยบายเกี่ยวกับการใช้รายได้และรายจ่ายของรัฐเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดแนวทาง
เป้าหมาย และการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับการดำเนินนโยบายการเงิน
ถึงตอนนี้คงเข้าใจแล้วไช้ไหมครับว่าอัตตราเงินเฟ้อนั้นที่จริงมันอยู่เคียงข้างเรามาตั้งแต่เราเกิดกันเลยทีเดียวและเป็นสิ่งที่เราต้องรู้เพื่อที่จะรับมือกับเงินเฟ้อในอนาคตเพื่อการปรับตัวสู้โลกเศรษฐกิจที่ขยายตัวและเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดของประเทศที่พัฒนาแล้ว
..... ^_^ …..