ท่ามกลางวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำ ชุมชนคลองบางน้อยอาจดูเหมือนชุมชนริมคลองทั่วไป แต่ที่นี่มีหัวใจดวงเล็กๆ ที่กำลังเติบโตในแนวตั้ง เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังของผู้หญิงคนหนึ่ง คุณพี่หลิน สศิดา อาจด่อน ประธานชุมชนผู้ทุ่มเททำงานเพื่อส่วนรวมมาถึง 3 สมัย โครงการ "สวนแนวตั้ง" ที่พี่หลินดูแล ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สีเขียว แต่คือเครื่องพิสูจน์ถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะสร้างความอยู่ดีกินดีและส่งเสริมสุขภาพให้กับทุกคน แม้จะต้องเผชิญกับข้อจำกัดก็ตาม...
เรื่องราวของสวนแห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือและความคิดสร้างสรรค์ เรามาลองติดตามกันว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นและแรงผลักดันที่ทำให้สวนแห่งนี้งอกงามขึ้นกลางใจชุมชน
จุดเริ่มต้น เมื่อพื้นที่จำกัด...แต่ใจไม่จำกัด
สำหรับ พี่หลิน สศิดา อาจด่อน ความท้าทายอันดับแรกของชุมชนคลองบางน้อยคือ "พื้นที่ชุมชนมีน้อยมาก" ข้อจำกัดนี้อาจเป็นอุปสรรคที่น่าท้อใจ แต่สำหรับที่นี่ มันกลับกลายเป็นจุดประกายให้เกิดทางออกที่สร้างสรรค์ นั่นคือ "สวนแนวตั้ง" ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการใช้พื้นที่ในแนวสูงให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้สามารถปลูกพืชผักสวนครัวได้โดยไม่ต้องพึ่งพาที่ดินผืนใหญ่
สวนแนวตั้งจึงไม่ใช่แค่คำตอบสำหรับปัญหาเรื่องพื้นที่ แต่เป็นสัญลักษณ์ของวิธีคิดที่ไม่ยอมจำนนต่อข้อจำกัด และคือหัวใจของความพยายามที่จะเปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นโอกาสในการพัฒนาชุมชน
แต่สวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่ยังได้กลายเป็นคลังอาหารที่สำคัญของทุกคนในชุมชนอีกด้วย
ผลผลิตแห่งความใส่ใจ จากสวนสู่จานอาหารของชุมชน
ผลผลิตจากสวนแนวตั้งแห่งนี้ คือพืชผักสวนครัวที่คัดเลือกมาอย่างดีเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนโดยตรง
คะน้า กะเพรา โหระพา คือกลุ่มผักที่ชาวบ้านมีความต้องการสูงและใช้ประกอบอาหารในชีวิตประจำวันเป็นประจำ ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้จึงถูกนำไปแจกจ่ายให้กับคนในชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้ทุกคนได้มีผักที่สดใหม่และปลอดภัยไว้รับประทาน
ในระยะแรกเริ่ม โครงการเคยนำผลผลิตบางส่วนออกไปจำหน่ายที่ตลาด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความต้องการบริโภคผักปลอดสารพิษของคนในชุมชนกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญซึ่งสะท้อนความสำเร็จของโครงการได้อย่างแท้จริง โครงการได้ปรับเปลี่ยนจากการเป็นเพียงแหล่งผลิตเพื่อจำหน่าย สู่การเป็นเสาหลักด้านความมั่นคงทางอาหารของชุมชนอย่างเต็มตัว ตอบสนองความต้องการจากภายในก่อนเป็นอันดับแรก
ความสำเร็จนี้ไม่ได้ทำให้โครงการหยุดนิ่ง แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เกิดกิจกรรมใหม่ๆ และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
สวนที่ไม่เคยว่างเปล่า กิจกรรมสานสัมพันธ์และอนาคต
แม้จะเพิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตคะน้าไปเมื่อ 4-5 สัปดาห์ก่อน แต่พื้นที่ในกระถางก็ไม่เคยถูกปล่อยให้รกร้าง เพราะดังที่พี่หลิน สศิดา กล่าวไว้ว่า "เราไม่อยากให้กระถางเขาว่างเปล่า" ปัจจุบันจึงมีการนำไม้ประดับมาลงไว้ชั่วคราว การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นี้สะท้อนปรัชญาที่ลึกซึ้งของโครงการ ที่ว่าทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเล็กเพียงใดล้วนมีศักยภาพและไม่ควรถูกละเลย มันคือสัญลักษณ์ของความใส่ใจและความต่อเนื่องที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ขณะเดียวกันก็กำลังเพาะกล้าผักรุ่นใหม่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะมาถึง
กิจกรรมนี้ไม่เพียงจะเติมเต็มสวนให้กลับมาเขียวขจี แต่ยังเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์อันดีของคนในชุมชนและหน่วยงานพันธมิตร
วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล จากสวนผักสู่เส้นทางอาหารที่มั่นคง
โครงการสวนแนวตั้งไม่ได้จบลงแค่การปลูกผัก แต่เชื่อมโยงไปสู่วิสัยทัศน์ด้านสุขภาพที่กว้างไกลกว่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารและส่งเสริมโภชนาการที่ถูกต้องให้กับทุกคน
- อาหารสมดุล (211): นอกจากการปลูกผักแล้ว พี่หลิน สศิดายังส่งเสริมความรู้เรื่อง "อาหารสมดุล" หรือหลักการกินอาหารแบบ "211" ซึ่งตามคำอธิบายของเธอคือการเน้น ผัก 2 ส่วน ควบคู่ไปกับโปรตีนและเนื้อสัตว์อีก 1 ส่วน เพื่อให้คนในชุมชนเข้าใจหลักการบริโภคที่เรียบง่ายแต่ส่งเสริมสุขภาพ
- เส้นทางอาหารมั่นคง: ชุมชนได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในการสร้าง "เส้นทางอาหารมั่นคง" โดยมีหัวใจสำคัญคือการ ปลูกผักที่ปลอดสารเคมี เพื่อรับประกันว่าอาหารทุกคำที่มาจากสวนแห่งนี้ ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง
ความพยายามทั้งหมดนี้ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากความรักและความห่วงใยที่พี่หลิน สศิดา อาจด่อน มีต่อเพื่อนบ้านและคนในชุมชนของเธอ
เรื่องราวของสวนแนวตั้ง ณ ชุมชนคลองบางน้อย คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของจิตวิญญาณแห่งการไม่ยอมแพ้ และความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของส่วนรวม จากพื้นที่ที่เคยถูกจำกัด ได้กลายเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ แหล่งเรียนรู้ด้านสุขภาพ และศูนย์กลางของกิจกรรมที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกันด้วยความรัก พี่หลิน สศิดา ได้ฝากคำเชิญชวนที่อบอุ่นถึงผู้ที่สนใจ หากใครต้องการเรียนรู้หรือสัมผัสกับพลังของชุมชนแห่งนี้ด้วยตนเอง ก็สามารถแวะเข้ามาเยี่ยมชมได้เสมอที่ "ชุมชนคลองบางน้อย เขตตลิ่งชัน"

บทสรุป 4 บทเรียนน่าทึ่งจาก 'สวนแนวตั้ง'
ชุมชนเล็กๆ ในกรุงเทพฯ ที่เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องอาหารในเมือง
การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ
บางครั้งการหาผักสดๆ ที่สะอาดและปลอดภัยมารับประทานก็ดูเป็นเรื่องท้าทาย
เรามักคุ้นชินกับการพึ่งพาซูเปอร์มาร์เก็ตหรือตลาดสด
แต่ใครจะคิดว่าในมุมเล็กๆ ของชุมชนริมคลองอย่าง "ชุมชนคลองบางน้อย"
ในเขตตลิ่งชัน จะมีคำตอบที่น่าทึ่งซ่อนอยู่ ตัวผมเองได้พบกับสวนผักแนวตั้งที่ไม่ได้เป็นแค่แปลงเกษตร
แต่เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นต้นแบบที่ทรงพลัง ที่นี่ได้มอบบทเรียนสำคัญ 4
ข้อที่เปลี่ยนมุมมองของเราต่อเรื่องอาหาร สุขภาพ
และพลังของชุมชนไปอย่างสิ้นเชิง
1.เมื่อผลผลิตไม่ใช่เพื่อขาย แต่เพื่อคนในชุมชนเป็นอันดับแรก
ตอนแรกผมคิดว่าสวนผักแห่งนี้คงเหมือนโครงการอื่นๆ
ที่ปลูกเพื่อสร้างรายได้ แต่ความจริงกลับน่าประหลาดใจกว่านั้น
เดิมทีสวนแห่งนี้เคยนำผลผลิตไปขายที่ตลาด แต่เมื่อเวลาผ่านไป
ความต้องการผักสดปลอดภัยจากคนในชุมชนกลับมีสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนทำให้พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายหลัก จากการค้าขายมาสู่การ "แจกจ่าย"
ให้คนในชุมชนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นคะน้า กะเพรา หรือโหระพา
ก็ล้วนถูกส่งตรงถึงเพื่อนบ้านก่อนใคร
การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวคิดที่ลึกซึ้ง
มันคือการเปลี่ยนจากกรอบความคิดเชิงพาณิชย์มาสู่โมเดลที่ยึดประโยชน์ของชุมชนเป็นหัวใจ
คือการให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนบ้านมากกว่าผลกำไร
นี่คือสิ่งที่ทำให้สวนแห่งนี้พิเศษอย่างแท้จริง
พี่หลิน สศิดา อาจด่อน ประธานชุมชน ได้สรุปปรัชญาเบื้องหลังเรื่องนี้ไว้อย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า
"ผลผลิตที่เราได้มา
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นให้ประชาชนในชุมชนได้รับประทาน...เมื่อความต้องการของในชุมชนเรามีเพิ่มขึ้น
เราก็เลยมีการแจกจ่ายให้คนในชุมชนของเราเป็นหลัก"
2. สวนผักเป็นแค่จุดเริ่มต้น ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย
สวนผักแนวตั้งที่เห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพที่ใหญ่กว่ามาก
ที่นี่ไม่ได้หยุดแค่การปลูกผัก
แต่ใช้สวนแห่งนี้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้นอย่างเป็นองค์รวม
โดยมีโครงการอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกันอย่างน่าสนใจ
- เส้นทางอาหารมั่นคง เป็นโครงการที่ร่วมมือกับสำนักงานของ กทม. เพื่อส่งเสริมการปลูกผักที่ปลอดสารเคมี สร้างหลักประกันว่าทุกคนจะเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย
- อาหารสมดุล พี่หลิน สศิดา อาจด่อน ซึ่งเป็นประธานชุมชนเองยังลงมือสอนให้ความรู้แก่ชาวบ้านเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
โดยใช้โมเดล "211" ที่เข้าใจง่าย คือ ทานผัก 2 ส่วน
ต่อโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ 1 ส่วน
จะเห็นได้ว่าสวนผักแห่งนี้ไม่ใช่โครงการที่ทำแล้วจบไป
แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การสร้างความรู้และความตระหนักรู้ด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน
3. ความงามที่ไม่ปล่อยให้ว่างเปล่า การจัดการพื้นที่อย่างสร้างสรรค์
สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือความคิดสร้างสรรค์ในการจัดการพื้นที่ของชุมชนแห่งนี้
หลังจากที่เพิ่งเก็บเกี่ยวคะน้าชุดใหญ่ไปเมื่อ 4-5 สัปดาห์ก่อน
แทนที่จะปล่อยให้กระถางว่างเปล่ารอการปลูกครั้งต่อไป
พวกเขากลับนำไม้ประดับสวยงามมาปลูกไว้ชั่วคราว
แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ
แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจ ความรักในพื้นที่
และความต้องการที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่สวยงามมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
เป็นสัญลักษณ์ว่าชุมชนแห่งนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง
แม้ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่กำลังเพาะต้นกล้าชุดใหม่เพื่อเตรียมสำหรับกิจกรรมครั้งต่อไปก็ตาม
4. พลังของการร่วมมือ จากชุมชนสู่งานกิจกรรมใหญ่
โครงการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากคนเพียงคนเดียว
แต่ขับเคลื่อนด้วยพลังของการร่วมมือจากหลายภาคส่วน
ซึ่งพิสูจน์ได้จากกิจกรรม "ปลูกผักเพราะรักแม่" ที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมจิตอาสาที่เปิดกว้างให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม
ความร่วมมือนี้ขยายวงกว้างออกไปไกลกว่าแค่คนในชุมชน
โดยมีพันธมิตรที่เข้าร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐอย่าง
สน.บางเสาธง และสำนักงานแขวงบางเชือกหนัง
ไปจนถึงชุมชนข้างเคียงและชาวบ้านที่สนใจ
นี่คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่าสวนผักเล็กๆ
แห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงผู้คนและสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้
เรื่องราวของสวนแนวตั้งชุมชนคลองบางน้อยพิสูจน์ให้เห็นว่า
ข้อจำกัดด้านพื้นที่ในเมืองไม่ใช่ปัญหา
หากเรามีความตั้งใจและความคิดสร้างสรรค์ ที่นี่เป็นมากกว่าสวนผัก
แต่เป็นต้นแบบของการสร้างความมั่นคงทางอาหาร การส่งเสริมสุขภาพ
และการถักทอสายใยความสัมพันธ์ของผู้คนให้แน่นแฟ้นขึ้น
โครงการเล็กๆ
ในชุมชนคลองบางน้อยได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่าพื้นที่ว่างเพียงน้อยนิดก็สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้
คำถามคือ...เราจะมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ว่างของชุมชนเราเองได้อย่างไร?
บทความโดย ครูพี่ลี ดลรวี ภัทรกุลพิมล
โปรดิวเซอร์ รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
รายการที่จะนำคุณไปสัมผัสกับ อัตลักษณ์ท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย
เศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดดีๆ จากบุคคลต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน
เพื่อเป็นพลังสรรค์สร้าง คุณภาพชีวิตทีดี อย่างยั่งยืน
- ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัย ภาคกลาง AM 1467 KHz ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- ออกอากาศทางช่องทาง Live Streaming ผ่าน Facebook Live "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ทุก วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. - 19.00 น. และ
- สามารถมารับชมย้อนหลังผ่านทาง Youtube ช่อง "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" ได้อีกช่องทางหนึ่ง...
เพจ & Youtube : รายการคุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน
เกี่ยวกับเรา : รายการ "คุณภาพชีวิตดีที่บ้านฉัน" พวกเราคือใคร?
ป.ล.
หากบทความนี้มีประโยชน์ ฝากช่วยกันแชร์ บทความนี้ส่งต่อๆ
ออกไปสู่กลุ่มผู้คนวงกว้างให้ได้รับคุณประโยชน์... แบ่งปันความรู้ดีๆ
กันนะครับ หนึ่งความรู้ หนึ่งความคิดดีๆ อาจจะเปลี่ยน ช่วยเหลือ ผู้คน
และสังคมได้นะครับ และที่สำคัญสิ่งเล็กๆ
ที่ท่านทำในวันนี้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้นได้
ขอขอบคุณทุกท่านจากหัวใจ ไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ...
แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความต่อๆไปนะครับผม ^_^